คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5658/2567

บทความวันที่ 9 ก.ย. 2568, 15:22

มีผู้อ่านทั้งหมด 308 ครั้ง

ตัวอย่างคดีร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5658/2567
           จำเลยทั้งสองเป็นลูกจ้างของบริษัทโจทก์ มีหน้าที่จัดการดูและจัดการขายสินค้าของโจทก์ โดยจำเลยที่ 1  เป็นพนักงานขาย  จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการ  จำเลยที่ 2 มีสิทธิพิเศษสามารถเข้าสู่ระบบของทุกแผนกรวมทั้งโอนสิทธิในการเข้าสู่ระบบโปรแกรมของพนักงานคนอื่นไปยังแผนกอื่น หรือไปยังคลังสินค้าอื่นๆ ได้
           จำเลยทั้งสอง ซึ่งมีหน้าที่จัดการดูแลและจัดการขายสินค้าของโจทก์(ประเภทบัตรเติมเงินและโทรศัพท์เคลื่อนที่)  ได้ร่วมกันโอนสินค้าดังกล่าวจากคลังสินค้าหลักของโจทก์ผ่านระบบโปรแกรม (GT-Mobile)ที่ควบคุมการเบิกจ่ายสินค้า  ไปไว้ที่คลังสินค้าของบริษัทอื่น (ซึ่งไม่ใช้งานแล้ว) และจำเลยที่ 2 อาศัยสิทธิตำแหน่งผู้จัดการแก้ไขสิทธิของจำเลยที่ 1 โดยให้จำเลยที่ 1 เข้าไปรับโอนสินค้าที่บริษัทอื่นดังกล่าว  และจำเลยที่ 1 ทำการเปิดบิลขายสินค้าของโจทก์ในนามบริษัทอื่นในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่แท้จริง โดยใช้ชื่อร้าน ส. โดยไม่ได้มีการซื้อขายกันจริง เพื่อตัดขายสินค้า(ที่ถูกลักไป)  ให้หายออกจากระบบของโจทก์ และเพื่อปกปิดมิให้โจทก์ตรวจสอบได้  ซึ่งเป็นการใช้กลวิธีในการลักสินค้าของโจทก์ให้เป็นผลสำเร็จ แล้วทุจริตนำเงินค่าสินค้านั้นไป
           ดังนี้ จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ จึงมีสิทธิเพียงยึดถือดูแลไว้แทนนายจ้างชั่วเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น  สิทธิครอบครองยังคงอยู่ที่โจทก์นายจ้าง การที่จำเลยทั้งสองเอาสินค้าของโจทก์ไปขายต่ำกว่าราคาที่แท้จริงโดยทุจริต  จึงเป็นการร่วมกันลักทรัพย์ของโจทก์ที่เป็นนายจ้าง ตาม ป.อ.มาตรา 335(7)(11) วรรคสอง
          มิใช่กรณีที่จำเลยทั้งสองได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เป็นผู้ครอบครองสินค้าของโจทก์ แล้วเบียดบังเอาเงินที่ขายสินค้าของโจทก์ไปโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานร่วมกันยักยอกตาม ป.อ.มาตรา 352 วรรคหนึ่งแต่อย่างใด
           
ปรึกษาข้อกฎหมายสอบถาม 02-948-5700 หรือ 081-616-1425 หรือ 081-625-2161, 081-821-7470