งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ
ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ
สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ
รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ
การนับอายุความเกี่ยวกับการทุจริตภายในสหกรณ์
ผมในฐานะวิทยากรของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ขอให้ความรู้ทางกฎหมายกับสหกรณ์เกี่ยวกับการนับอายุความทางอาญาในกรณีมีการทุจริตภายในสหกรณ์ โดยขอนำคำพิพากษาศาลฎีกาที่วางบรรทัดฐานไว้แล้ว มานำเสนอดังนี้
1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4812/2555
อ.ได้รับเลือกตั้งเข้าเป็นคณะกรรมการของโจทก์ร่วมโดยเป็นเลขานุการ เมื่อ อ. นำผลการตรวจสอบเข้าที่ประชุม โจทกร่วมมีมติมอบอำนาจให้ อ. เป็นผู้ดำเนินการร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยจนกว่าคดีจะถึงที่สุด อ. ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลย และให้รายละเอียดต่อพนักงานสอบสวนตามข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบมา ดังนี้ อ. ย่อมมีอำนาจดำเนินการร้องทุกข์แทนโจทก์ร่วมแล้วตั้งแต่วันที่ที่ประชุมโจทก์ร่วมมีมติให้ อ. เป็นผู้ดำเนินการ การมอบอำนาจให้บุคคลใดๆ ไปร้องทุกข์นั้นกฎหมายหาได้บังคับว่า ต้องทำเป็นหนังสือหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้เสียหายได้มอบหมายให้ อ. ไปร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดคดีนี้จริง อ. ย่อมมีฐานะเป็นผู้แทนอื่นๆ ของโจทก์ร่วมที่จัดการแทนโจทก์ร่วมได้ตามนัย ป.วิ.อ.มาตรา 5(3) การร้องทุกข์สามารถกระทำได้ด้วยวาจาให้พนักงานสอบสวนบันทึกไว้เมื่อเป็นการกระทำในขอบอำนาจ แม้หนังสือมอบอำนาจลงวันที่ภายหลัง ก็ไม่ทำให้ อ. ซึ่งมีอำนาจร้องทุกข์แทนโจทก์ร่วมได้อยู่แล้ว กลายเป็นผู้ที่ไม่มีอำนาจร้องทุกข์แทนโจทก์ร่วมไปได้แต่อย่างใด การร้องทุกข์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ตามมาตรา 123 วรรคสอง พนักงานสอบสวนและโจทก์จึงมีอำนาจสอบสวนและฟ้องคดีนี้
ข. ตรวจสอบบัญชีของโจทก์ร่วมแล้วพบว่า มีการทุจริตยอดเงินตามฟ้องและแจ้งให้ประธานกรรมการโจทก์ร่วมทราบตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2546 จะถือว่าโจทก์ร่วมรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวกระทำความผิดยังไม่ได้ เนื่องจากเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นว่ามีการทุจริตเกิดขึเน แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าผู้กระทำเป็นใคร ต่อมาโจทก์ร่วมได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อกรรมการตรวจสอบเสร็จสิ้นและประชุมพร้อมมีมติที่ประชุมว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงจำเลยเป็นผู้จัดการ จึงมอบอำนาจให้ อ. ไปร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลย ประธานกรรมการของโจทก์ร่วมน่าจะทราบเรื่องในวันที่ 15 เมษายน 2547 อันเป็นวันที่โจทก์ร่วมรู้ตัวผู้กระทำความผิดแน่นอน ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ร่วมไปร้องทุกข์เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2547 จึงเป็นการร้องทุกข์ภายในอายุความ 3 เดือน จำเลยมิได้อุทธรณ์ ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์ร่วมรู้ตัวผู้กระทำความผิดแน่นอนในวันที่ 15 เมษายน 2547 ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ร่วมไปร้องทุกข์เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2547 เป็นเวลาภายในอายุความสามเดือนจึงเป็นอันยุติ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังว่า การลงวันที่ในหนังสือมอบอำนาจที่ผิดพลาดไป ไม่ทำให้ อ. ซึ่งมีอำนาจร้องทุกข์แทนโจทก์ร่วมกลับกลายเป็นผู้ไม่มีอำนาจร้องทุกข์ไปได้ อ. ร้องทุกข์แทนโจทก์ร่วมโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ดังนี้ จำเลยจะหวนกลับมาใช้สิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า โจทก์ร่วมรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2546 โจทก์ร่วมมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันดังกล่าว คดีจึงขาดอายุความอีกไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 3 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ.มาตรา 15
2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2557
ข้อบังคับของโจทก์ร่วมกำหนดให้สหกรณ์โจทก์ร่วมมีคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์และคณะกรรมการดำเนินการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการทั้งปวงของสหกรณ์ให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ มติ และคำสั่งของสหกรณ์ ซึ่งรวมทั้งฟ้อง ต่อสู้ หรือดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจการของสหกรณ์ เมื่อคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ โจทก์ร่วมได้ทราบถึงเรื่องที่บริษัท ฮ. ชำระค่าลำไยอบแห้งเป็นตั๋วเงินให้แก่โจทก์ร่วมแล้วจำเลยซึ่งเป็นประธานกรรมการของโจทก์ร่วมนำตั๋วเงินไปใช้ค้ำประกันแก่บริษัท ช. โดยไม่ได้นำเงินเข้าบัญชีเป็นรายได้ของโจทก์ร่วมถือว่าโจทก์ร่วมรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้แงต่วันดังกล่าว เมื่อ ว. ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแทนโจทก์ร่วมเพื่อให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353 ซึ่งมาตรา 356 บัญญัติว่าเป็นความผิดอันยอมความได้เกินกว่า 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 39(6) ต้องยกฟ้องโจทก์ตามมาตรา 185 วรรคหนึ่ง