เจ้าพนักงานยักยอก|เจ้าพนักงานยักยอก

เจ้าพนักงานยักยอก

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

เจ้าพนักงานยักยอก

  • Defalut Image

#ฎีกาคดียักยอก

บทความวันที่ 17 พ.ค. 2568, 15:21

มีผู้อ่านทั้งหมด 357 ครั้ง


เจ้าพนักงานยักยอก
#เจ้าอาวาสอมเงินวัด300ล้าน
#สนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอก
#ฎีกาคดียักยอก

1.ผู้กระทำความผิดต้องเป็นเจ้าหน้าที่  ผู้แต่งตั้งไม่มีอำนาจตามกฎหมาย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7188/2538

การที่จะแต่งตั้งเสมียนตราอำเภอให้เป็นสมุห์บัญชีสุขาภิบาลนั้นจะต้องทำเป็นเรื่องเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งนายอำเภอแม้จะเป็นประธานกรรมการสุขาภิบาลอยู่ด้วยก็ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะแต่งตั้งเสมียนตราอำเภอให้เป็นสมุห์บัญชีสุขาภิบาลได้ด้วยตนเองดังนั้นการที่นายอำเภอสั่งให้จำเลยไปปฏิบัติหน้าที่สมุห์บัญชีสุขาภิบาลจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบจำเลยไม่มีฐานะเป็นพนักงานของสุขาภิบาลและไม่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายจึงไม่อาจลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา147และ157ได้

2.ผู้ที่มิใช่เจ้าพนักงานร่วมกระทำผิดกับเจ้าพนักงาน ผิดเป็นผู้สนับสนุน 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  4347/2560

จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างประจำ ตำแหน่งนักการเทศบาลตำบลจักราช มิใช่ข้าราชการที่ได้รับตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งหรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งหน้าที่ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะให้ถือเป็นเจ้าพนักงาน จำเลยที่ 2 จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย  เนื่องจาก ป.อ.มาตรา 147,151,161 เป็นบทบัญญัติที่ลงโทษแก่บุคคลผู้กระทำความผิดที่เป็นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เท่านั้น  แม้จำเลยที่ 2 จะร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดต่อบทบัญญัติดังกล่าว ก็จะลงโทษจำเลยที่ 2 อย่างเจ้าพนักงานไม่ได้ คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้เพียงในฐานะผู้สนับสนุนตาม ป.อ.มาตรา 86 

3.แม้เป็นเจ้าพนักงาน แต่มิใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการหรือรักษาก็ผิดเพียงผู้สนับสนุน  
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2562

ป.อ.มาตรา 147 เป็นบทบัญญัติที่ลงโทษแก่บุคคลที่กระทำความผิดที่เป็นเจ้าพนักงานและต้องมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์  แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นเจ้าพนักงานและเป็นภริยาของจำเลยที่ 1 ตลอดจนร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการเบียดบังเงินยืมทดลองราชการเป็นของตนโดยทุจริต แต่จำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียวที่เป็นผูู้ขอเงินยืมทดรองราชการและได้รับอนุญาต จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่โดยตรงในการจัดการหรือรักษาเงินยืมทดรองราชการ แม้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดต่อบทบัญญัติดังกล่าวก็ลงโทษจำเลยที่ 2 อย่างเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการจัดการหรือรักษาทรัพย์แล้วเบียดบังทรัพย์เป๋นของตนโดยทุจริตไม่ได้ คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้แต่เพียงในฐานะผู้สนับสนุนตาม ป.อ.มาตรา 86 เท่านั้น

4.มอบให้ครูน้อยเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน  ครูน้อยเบียงบังเงินที่รับไว้นั้น มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6013/2546

แม้จำเลยมีตำแหน่งอาจารย์ทำหน้าที่สอนหนังสือแต่จำเลยก็ได้รับคำสั่งมอบหมายจากส. ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ทำหน้าที่หัวหน้าพัสดุของโรงเรียนซึ่งอาจารย์ใหญ่มีอำนาจมอบหมายได้  จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการหรือรักษาพัสดุ ของโรงเรียนอันเป็นการปฏิบัติราชการตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจ เมื่อจำเลยเบียดบังโดยนำเครื่องพิมพ์ดีดอันเป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีหน้าที่จัดการ  หรือรักษาไปขายโดยทุจริต จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2536
จำเลยเป็นข้าราชการอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของนายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์และได้รับคำสั่งมอบหมายจากนายกเทศมนตรีให้ไปรับเงินจากศาลมามอบให้เทศบาล แม้จะไม่ใช่หน้าที่ตามตำแหน่งของจำเลยโดยตรง แต่เมื่อจำเลยได้รับมอบหมายให้จัดการแล้ว จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการเกี่ยวกับเงินที่ได้รับมอบหมายนั้น เมื่อจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาเงินนั้นเป็นของตนจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่จัดการเป็นของตนโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744 - 745/2515
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ใช้และเก็บรักษาปืนคาร์บิน แมกกาซีน และกระสุนปืน ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการตำรวจเพื่อใช้ในการตรวจตราปราบปรามโจรผู้ร้าย จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ใช้และรักษาปืนคาร์บิน กระสุนปืน และแมกกาซีน ที่จำเลยได้รับมอบหมายจำเลยเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

5.จำเลยไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินที่รับมาไม่ผิดมาตรา 147 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3812 - 3814/2556

จำเลยเป็นเสมียนตราอำเภอโนนแดง มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินและบัญชีของอำเภอโนนแดง เงินค่าวัสดุก่อสร้างโครงการฝายประชาอาสาทั้งสี่โครงการรวม 1,308,104.40 บาท เป็นเงินที่ทางอำเภอโนนแดงต้องเบิกจากทางจังหวัดนครราชสีมาไปชำระให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด น. และห้างหุ้นส่วนจำกัด ต. แต่จำเลยไม่ได้เป็นกรรมการรับเงินที่จะมีอำนาจหน้าที่ไปเบิกและรับเงินค่าวัสดุก่อสร้างดังกล่าว การที่จำเลยใช้คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการรับเงินซึ่งไม่ใช่คำสั่งที่ผู้ลงชื่อประสงค์จะตั้งจำเลยไปดำเนินการดังกล่าว ทั้งบางคำสั่งก็ตั้งกรรมการไม่ครบตามกฎระเบียบไปแสดงต่อเสมียนตราจังหวัดเพื่อขอเบิกและรับเงินโครงการดังกล่าว เมื่อได้รับเช็คแล้วนำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคารเอาไปโดยทุจริต เป็นการกระทำในส่วนที่นอกอำนาจหน้าที่รับผิดชอบของตน ถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำความผิดในฐานะเจ้าพนักงาน จึงไม่อาจลงโทษจำเลยฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 147 ตามฟ้องอันเป็นบทเฉพาะได้ แต่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์เงินดังกล่าว ซึ่งเป็นความผิดในตัวเองและเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องมาได้ อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยไว้ข้างต้นจำเลยไม่ได้รับมอบทรัพย์โดยชอบแล้วเบียดบังไว้โดยทุจริตอันจะเป็นความผิดฐานยักยอก แต่จำเลยได้รับเช็คจาก ก. เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีประจำที่ทำการปกครองจังหวัดนครราชสีมาโดยแสดงคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวต่อ ก. เพื่อให้เข้าใจว่าตนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการรับเงินโดยชอบ จน ก. หลงเชื่อมอบเช็คดังกล่าวให้ไป แล้วจำเลยแสดงคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารในการนำเช็คไปขอเบิกเงินสดจากธนาคารตามเช็คด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการหลอกลวงผู้อื่นแล้วได้มาซึ่งเช็คและเงิน ย่อมเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตาม ป.อ. มาตรา 341 แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษฐานนี้ก็ตาม แต่เมื่อศาลอาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกได้ จึงเป็นการแตกต่างกันระหว่างการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง และยักยอก เมื่อจำเลยไม่หลงต่อสู้ จึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงที่ได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสาม แต่อำเภอโนนแดงร้องทุกข์เมื่อล่วงพ้นกำหนด 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีจึงขาดอายุความตาม ป.อ. มาตรา 96

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6797/2561
เทศบาลตำบล บ. มิได้มีคำสั่งมอบหมายให้จำเลยมีหน้าที่รับเงินแต่อย่างใด จำเลยจึงยังมิได้เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับเงินและออกใบเสร็จรับเงิน การที่จำเลยไม่ออกใบเสร็จรับเงินค่าหลักประกันสัญญาจ้างแก่โจทก์ไม่มีผลให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่เมื่อจำเลยมีหน้าที่ในการจัดทำสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยเทศบาลตำบล บ. การที่จำเลยอ้างแก่โจทก์ว่ายังจัดพิมพ์สัญญาจ้างไม่เสร็จ รวมทั้งแจ้งแก่โจทก์ว่าโจทก์ไม่สามารถลงนามในสัญญาจ้างได้เพราะสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินไม่ยอมให้โจทก์ลงนามนั้นแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีพฤติการณ์ที่ใช้อำนาจหน้าที่กีดกันโจทก์ในการเป็นผู้รับจ้างก่อสร้างโดยบ่ายเบี่ยงประวิงให้ล่วงเลยตามหนังสือแจ้งให้โจทก์มาทำสัญญากับเทศบาลตำบลโคกเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเรียกผู้รับจ้างรายใหม่มาทำสัญญาและโจทก์ต้องมีชื่อเป็นผู้ทิ้งงานราชการ ส่อให้เห็นถึงความไม่สุจริตของจำเลย แม้ไม่ปรากฎว่าจำเลยกระทำการโดยทุจริตของจำเลย  แม้ไม่ปรากฎว่าจำเลยกระทำการโดยทุจริต แต่การกระทำของจำเลยบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 157 และเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกับความผิดฐานยักยอก 

6. มีอำนาจเพียงอนุมัติให้เบิกจ่าย ไม่มีความผิดตามมาตรา 147
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7441/2555

จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบล ย. จึงมีอำนาจเพียงอนุมัติตามที่ ส.หัวหน้าส่วนการคลังเสนอเท่านั้น ส่วนการจ่ายเงินเป็นหน้าที่ของหน่วยงานเป็นผู้ดำเนินการ การที่จำเลยที่ 1 ศ. และ ส.ซึ่งเป็นกรรมการรับส่งเงินไปเบิกถอน และรับเงินจากธนาคารมาเพื่อเบิกจ่ายเงินให้แก่ราษฎรผู้รับจ้างก่อสร้างถนนแล้ว  จำเลยที่ 1 ยืนยันขอรับเงินไปจ่ายให้แก่ราษฎรผู้รับจ้างเอง  จึงเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 รับเงินไปแล้วเบียดบังเอาไปโดยทุจริตถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำความผิดในฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการหรือรักษาเงินตาม ป.อ.มาตรา 147 คงเป็นความผิดฐานยักยอกตาม ป.อ.มาตรา 352

7. เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ขับรถยนต์  เบียดบังน้ำมันในรถยนต์  จึงเป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2505

จำเลยเป็นผู้คุมตรี มีหน้าที่ควบคุมดูแลนักโทษ และยังมีหน้าที่ขับรถยนต์ของเรือนจำด้วย พัศดีเรือนจำให้จำเลยเอารถยนต์ของเรือนจำไปบรรทุกแกลบ จำเลยก็ขับไป เมื่อจำเลยมีหน้าที่ขับรถยนต์ก็มีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ตลอดถึงน้ำมันรถยนต์ด้วย การที่จำเลยเบียดบังเอาน้ำมันในรถยนต์จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2510
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างรายวันของเทศบาลนครกรุงเทพ มีหน้าที่ขับรถยนต์ของเทศบาลฯ บรรทุกคนงานไปทำการล้างท่อและซ่อมท่อระบายน้ำ จำเลยที่ 2 เป็นคนล้างท่อและซ่อมท่อจำเลยมีหน้าที่เพียงดูแลรักษารถยนต์และน้ำมันเท่านั้น เทศบาลมิได้มอบการครอบครองรถยนต์และน้ำมันให้จำเลยครอบครองแต่อย่างใดฉะนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ครอบครองรถยนต์และน้ำมันเบนซินในถังของรถยนต์นั้น เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ร่วมกันดูดเอาน้ำมันเบนซินไปจากถังรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับ แล้วนำเอาน้ำมันนั้นไปขายให้จำเลยที่ 3 ดังนี้ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(11) จำเลยที่ 3 รับไว้โดยรู้ ก็ต้องมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2510)

8.เจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่เก็บของกลางในคดีแล้วเบียดบังไปเป็นของตนเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2532

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ตำแหน่งหัวหน้าเสมียนคดี มีหน้าที่เก็บรักษาของกลาง จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางและลงลายมือชื่อในสำเนาบัญชีของกลางกับสำเนาหนังสือนำส่งของกลางของสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ทับสะแก แต่ไม่ลงบัญชีของกลางในคดีอาญาของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการรับกัญชาของกลางรายนี้แล้ว ต่อมาจำเลยเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 การที่จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางไว้แล้วไม่นำลงบัญชีของกลางในคดีอาญา ก็โดยเจตนาที่จะเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก

9.เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีหน้าที่โดยตรงในการรักษาของกลางที่เก็บไว้ที่สถานีตำรวจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2534

จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สายตรวจเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจยึดเลื่อยยนต์ เป็นของกลางและมอบให้นายดาบตำรวจ ส. เป็นผู้เก็บรักษาไว้แล้ว จำเลยที่ 1 หาได้มีหน้าที่จัดการหรือรักษาเลื่อยยนต์ ของกลางโดยตรงไม่ แม้จำเลยที่ 1จะเป็นผู้นำเลื่อยยนต์ ดังกล่าวไปขาย ก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 จำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าที่เวรยามและสายตรวจซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาสิ่งของต่าง ๆ ในบริเวณสถานีตำรวจ ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งโดยชอบให้ดูแลรักษาทรัพย์ของกลางที่สถานีตำรวจด้วย การที่จำเลยที่ 1 อาศัยโอกาสดังกล่าวลักเลื่อยยนต์ ของกลางซึ่งอยู่ในความดูแลตามหน้าที่ไปขายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157.

10.การเบียดบังเอาทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2482

เจ้าพนักงานเอาทรัพย์ของหลวงที่ได้รับมอบหมายไว้ไปจำนำ โดยมีเจตนาจะไถ่คืนนั้น ไม่เป็นผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ แม้จำเลยผู้สมรู้มิได้ฎีกาเมื่อศาลพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยซึ่งเป็นตัวการแล้ว ก็ต้องปล่อยจำเลยที่เป็นผู้สมรู้ด้วย.

11.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2518
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ได้รับมอบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกรมตำรวจเพื่อใช้ในการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จำเลยย่อมมีหน้าที่รักษาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนนั้นในระหว่างที่จำเลยครอบครองอยู่ การที่จำเลยนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยมีหน้าที่รักษานั้นไปจำนำไว้กับบุคคลอื่น ถือได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น จึงเป็นการเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือเป็นของบุคคลอื่นโดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และเมื่อการกระทำของจำเลยเป็นผิดตามมาตรา 147 แล้ว ก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 158 อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2330/2534
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานประจำโรงพยาบาล มีหน้าที่จัดซื้อจัดการซ่อมแซม และดูแลรักษาพัสดุครุภัณฑ์และได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับด้านการเงินด้วย จำเลยได้ลงชื่อคู่กับผู้อำนวยการโรงพยาบาลในฐานะเจ้าของบัญชีและผู้มอบฉันทะในแบบถอนเงินจำนวน14,000 บาท จากบัญชีเงินบำรุงโรงพยาบาลพรหมพิรามมาสำรองจ่ายค่าพัสดุครุภัณฑ์ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่จัดซื้อแล้วมอบให้ ส. นำไปถอนเงินจำนวนดังกล่าวจากธนาคารมาให้ตน จำเลยได้รับแล้วมิได้จัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์แต่อย่างใด และปรากฏว่าเงินจำนวนนี้ได้ขาดหายไปจากบัญชี การกระทำของจำเลยเป็นการเบียดบังเงินจำนวน 14,000บาท ที่อยู่ในความครอบครองตามหน้าที่ของตนไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวซึ่งเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 147.

12.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2530
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับเงินรายได้ของหน่วยราชการที่ตนสังกัดและได้รับเงินรายได้ไว้ แต่มิได้นำเงินนั้นส่งคลังตามระเบียบซึ่งตามปกติจะต้องนำส่งคลังในวันเดียวกันกับวันที่ได้รับเงินไว้ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นก็ให้นำส่งคลังในวันรุ่งขึ้นถัดไปที่เป็นวันทำการทั้งจำเลยมิได้ลงบัญชีรับเงินไว้เป็นหลักฐานจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในของกรมเจ้าสังกัดตรวจพบการกระทำของจำเลยเป็นเวลาถึง 5 เดือนเศษจำเลยจึงได้นำเงินส่งคลัง นับว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวแล้ว.

13.ขายทรัพย์สินส่วนราชการที่ใช้ไม่ได้แล้วโดยเปิดเผย ถือว่าไม่มีเจตนาทุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2536

จำเลยขายซากเรือที่ชำรุดใช้การไม่ได้แล้วโดยเปิดเผยได้ราคาสูงกว่าราคาที่สำนักงานชลประทานที่ 7 เคยขาย เพียงแต่ไม่ได้ขออนุมัติ และได้รับอนุมัติให้ขายตามระเบียบแบบแผนของทางราชการเท่านั้น ทั้งเมื่อขายได้เงินแล้ว จำเลยก็นำเงินจำนวนดังกล่าวซื้อรถตัดหญ้าราคาสูงกว่าเงินที่ได้จากการขายเรือให้แก่ทางราชการทันที แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์ของทางราชการเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่น ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 จำเลยซื้อรถตัดหญ้ามาให้แก่ทางราชการและนำเรือพอนทูนลำใหม่มาใช้แทนเรือลำเก่าแล้ว กรมชลประทานจึงไม่เสียหายอีกต่อไป จำเลยจึงไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาเรือพอนทูนแก่กรมชลประทานอีก

มีปัญหาข้อกฎหมายสอบถาม 02-948-5700 หรือ 081-616-1425 หรือ 081-625-2161, 081-821-7470

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก