โทร.แล้วขับ เริ่มใช้พฤษภาคม 51|โทร.แล้วขับ เริ่มใช้พฤษภาคม 51

โทร.แล้วขับ เริ่มใช้พฤษภาคม 51

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

โทร.แล้วขับ เริ่มใช้พฤษภาคม 51

วันนี้ทนายคลายทุกข์ขอนำข่าวของกองบัญชาการตำรวจนครบาล มาให้เพื่อนสมาชิกได้รับทราบ ข่าวเรื่องโทร.แล้วขับที่จะมีการประกาศใช้ต้นเดือนพฤษภาคม 51 นี้

บทความวันที่ 14 ก.พ. 2551, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 1615 ครั้ง


ตร

 

โทร.แล้วขับ  เริ่มใช้พฤษภาคม 51

       วันนี้ทนายคลายทุกข์ขอนำข่าวของกองบัญชาการตำรวจนครบาล  มาให้เพื่อนสมาชิกได้รับทราบ ข่าวเรื่องโทร.แล้วขับที่จะมีการประกาศใช้ต้นเดือนพฤษภาคม 51 นี้

 

            ทนายคลายทุกข์ขอนำเสนอว่า  กฎหมายเรื่องที่ถ้าทำได้  จะเป็นการจัดระเบียบในเรื่องของการจราจรได้หลายอย่าง  แต่ท่านลองคิดดูว่า  กม.เรื่องนี้จะสามารถบังคับใช้ได้จริงหรือไม่  และจะสามารถถ่ายได้จริงหรือ  เพราะถ้ารถติดฟิล์ม  กล้องจะสามารถมองทะลุเข้าไปได้หรือไม่  หรือต้องมีกม.ให้รถที่ติดฟิล์มบังคับใช้เรื่องของการติดฟิล์มใหม่หรือเปล่า

 

            ในช่วงของการจราจรติดขัด  จะเป็นการเพิ่มงานให้กับตำรวจจราจรหรือไม่  และถ้าคนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วไม่ได้คุย  กล้องจับได้  จะเป็นเรื่องที่วุ่นวายตามมาหรือไม่

 

            ทนายคลายทุกข์จึงขอนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาท่านได้ศึกษากัน  แล้วดูว่ากม.เรื่องนี้จะบังคับใช้ได้จริงหรือไม่

 

            ตัวบทกฎหมายอ้างอิง

       พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2551

            ?มาตรา 43  (9)  ในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่  เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริม  สำหรับการสนทนาโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์หรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น?

            ?มาตรา  157  ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 35 มาตรา 43 (3)(4)(6)(7)  หรือ  (9)  มาตรา 45  มาตรา 46  มาตรา  47  มาตรา 48  มาตรา 53  มาตรา 65  วรรคหนึ่ง  หรือมาตรา 125  ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สี่ร้อยบาทถึงหนึ่งพันบาท ?

 

               

 

รายละเอียดเนื้อข่าวมีดังนี้

ตร.ทุ่มงบ 5 ล้าน ซื้อกล้องถ่ายรูป ?โทร.แล้วขับ? ร่อนหมายเรียกถึงบ้าน!!

ตำรวจเอาจริง! "โทรแล้วขับ" โดนจับแน่ เตรียมทุ่มงบ 5 ล้าน หากล้องจับผิดตีนผี ซิ่งหนีตำรวจ พร้อมร่อนหมายเรียกถึงบ้าน กำชับทุกพื้นที่ตรวจสอบด่านลอยหากยังมีสั่งฟันวินัย

      

       วันนี้ (14 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.กล่าวว่า ราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2551 เพิ่มข้อบังคับใน (9) มาตรา 43 ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญ คือ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริม หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท โดยมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ออกประกาศคือประมาณวันที่ 7 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป

      

       พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.วิษณุ ม่วงแพรสี ผบก.จร. ได้ข้อสรุปแนวทางบังคับใช้ผู้ขับขี่ โดยมีเกณฑ์ปฏิบัติคือ หากตำรวจจราจรพบมีการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ หรือขี่จักรยานยนต์จะจับกุมทันที เพราะเป็นเหตุซึ่งหน้า และก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดซื้อกล้องถ่ายภาพดิจิตอลขนาดเล็กมอบให้ตำรวจจราจร 88 สน.ทั่วกรุงเทพฯ ประมาณ 3 พันนาย ไว้ใช้บันทึกภาพผู้ฝ่าฝืนขณะตั้งด่านตรวจบนถนน คาดต้องใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท

      

       "ในทางปฏิบัติยังอนุโลมให้ตำรวจจราจรใช้โทรศัพท์มือถือ ถ่ายภาพผู้ฝ่าฝืนใช้โทรศัพท์มือถือ หรือทะเบียนรถไว้เป็นหลักฐานและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ท้องที่ เพื่อตรวจสอบเจ้าของรถเพื่อออกหมายเรียกผู้ต้องหาได้ถึงบ้าน และนำตัวมาดำเนินคดีได้ในภายหลังแม้จะขับรถหลบหนีไปได้พล.ต.ต.ภาณุ กล่าว

      

       พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ได้กำชับสารวัตรจราจรทั้ง 88 สน.ให้เร่งประชาสัมพันธ์ไม่ให้ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนก่อนจะเริ่มกวดขันจริงจัง อยากให้ประชาชนเคารพกฎหมาย ไม่ต้องคอยหลบหลีกเจ้าหน้าที่ เพียงแค่ใช้อุปกรณ์เสริม เช่น บลูทูธ หรือสมอลล์ทอล์ก ไม่อยากให้ต้องถูกจับกุมแต่ตำรวจขอให้มีจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากกว่า ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนเข้ามาว่าในบางพื้นที่ยังมีตำรวจจราจรตั้งด่านลอย คอยตรวจจับนั้น ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกท้องที่ตรวจตราหากมีการตั้งด่านลอยจริงให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด

 

ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการในการวิเคราะห์ข้อกฎหมาย

 

 

 

 

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 3

ไม่ทราบว่ากฎหมายนี้มีเฉพาะกรุงเทพรึเปล่า

เพราะที่โคราชมีแต่คนโทรแล้วขับมาก

จะคิดเป็น2กิโลเมตรต่อคนก็ได้

บางทียังอยู่คาเครื่องแบบตำรวจก็มี
บางทีอยากขับรถวิ่งเข้าไปชนดื้อๆ ฝากด้วยครับ

โดยคุณ 1 มี.ค. 2553, 17:22

ตอบความคิดเห็นที่ 3

กฎหมายการจราจรเรื่องโทรแล้วขับ  บังคับใช้ทั่วประเทศค่ะ

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 21 มี.ค. 2553, 11:56

ความคิดเห็นที่ 2

กฎหมายการจราจรเรื่องโทรแล้วขับ  บังคับใช้ทั่วประเทศค่ะ

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 21 มี.ค. 2553, 11:56

ความคิดเห็นที่ 1

ข้อบังคับเรื่องนี้เลิกใช้แล้ว หรือว่าเจ้าหน้าที่ไม่สนใจ เนื่องจากผมได้นั่งรถตู้โดยสารจากเดอะมอลล์บางกะปิไปเดอะมอลล์งามวงศ์วานทุกวันเช้าเย็น เห็นคนขับรถเกือบทุกคันใช้โทรศัทพ์โทรคุยกับคนคุมคิวโดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์เสริมเลยสักคน และรถวิ่งเส้นลาดพร้าว เจ้าหน้าที่ตำรวจตามแยกและไฟแดงเยอะมาก แต่ไม่เห็นตรวจจับเลยสักคน ที่สำคัญรถติดทำให้รถชะลอตัวอยู่หน้าตำรวจเลย ยังทำเฉย หรือว่าขี้เกียจจับกันแล้ว แล้วแบบนี้จะออกกฎหมายมาทำไม หรือสร้างภาพพจน์กันเฉยๆ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาผู้โดยสารหลายสิบคน ใครจะรับผิดชอบ เพราะคนขับรถตู้ทุกคันวิ่งด้วยความประมาท ตัดเลน แซง ปาดหน้า ปาดกันแบบกระชั้นชิด อยากขอความกรุณาส่งข้อมูลเหล่านี้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ขอบคุณอย่างมาก
โดยคุณ nop/ [email protected] 30 พ.ย. 542, 00:00

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก