สวัสดีค่ะ ชื่อนิลนะคะ นิลอยากสอบถามเกี่ยวกับข้อกฏหมาย ว่ากรณีต่อไปนี้สามารถแจ้งความฟ้องร้องค่าเสียหายแบบไหนได้บ้าง และฟ้องได้หรือไม่
-วันที่18 มิถุนายน2563 นิลได้ทำสัญญาซื้อ/ขาย ในฐานะผู้ขาย โดยมีผู้ซื้อ ชื่อนายA ได้ลงชื่อตัวเองในสัญญาขั้นกลางระหว่างทุนต่างชาติและผู้ขายไว้เอง สินค้าที่ระบุคือถุงมือจำนวน3ล้านกล่อง เป็นจำนวนเงิน 360,000,000บาท ตามในสัญญาระบุว่า A ต้องชำระค่าสินค้าแบบล็อต/ล็อต แต่ละล็อตจะรับสินค้า 40,000กล่อง ภายในระยะ7-10วัน แบ่งเป็น75งวด แต่ละงวด Aต้องชำระให้ผู้ขาย เป็นจำนวนเงิน4,800,000บาท
ทางAรับทราบและยินยอมตกลงเซ็นสัญญาตามที่ระบุทุกประการ แต่ในวันเซ็นสัญญา Aได้ขอให้นิลซึ่งเป็นผู้ขาย สั่งลงสินค้าสำหรับLotแรกเพราะต้องการชมสินค้าจริงพร้อมเซ็นสัญญาและวางเงินทันที
ทางนิลจัดการสั่งสินค้ามา12.8ตัน เตรียมอุปกรณ์ คนงาน และสถานที่ เพื่อลงสินค้าและรองรับฝั่งA โดยได้สำรองค่าใช้จ่ายทุกอย่างไปก่อนทั้งหมด สำหรับสินค้า ชำระเป็นค่ามัดจำให้เจ้าของสินค้า จำนวน 300,000บาท
รวมค่าขน/อุปกรณ์/สถานที่/ค่าดำเนินการต่างๆ รวมเป็นเงิน 400,000 บาท
เมื่อนายAมาถึง ตรวจเช็ตสินค้า/เอกสารและเซ็นสัญญาเรียบร้อย นายAได้ขอผลัดการชำระเงินงวดแรกไปก่อน โดยแจ้งเหตุผลว่า ต้องรอเงินจากต่างประเทศใช้เวลา1วัน ในวันรุ่งขึ้นจะรีบถอนเงินมาชำระตามสัญญาทันที พร้อมทั้งโชว์เอกสารจากธนาคาร
-วันที่19 มิถุนายน 2563
ตามเวลานัด Aไม่มาตามสัญญา พยายามติดต่อไปแต่ขาดการติดต่อหายไปอีก1วัน
-วันที่20 มิถุนายน 2563
ฝ่ายA ติดต่อกลับมาอีกครั้งว่า เงินจากต่างประเทศเข้าบัญชีบริษัทนายAเรียบร้อยแล้ว กำลังดำเนินการถอนและเดินทางมาชำระ/ ยืนยันยังคงรับสินค้าแน่นอน พร้อมทั่งแจ้งว่าทุนชาวต่างชาติเดินทางมาชมสินค้าด้วย เมื่อมาถึงทางเราพรีเซ็นสินค้าเรียบร้อย นายทุนก็ได้แจ้งวาาดำเนินการเรื่องเงินlotแรกให้นิลผ่านทางAเรียบร้อยแล้ว และจะสั่งสินค้าประเภทอื่นๆเพิ่ม
แต่ทางนิลไม่ได้รับยอดเงินใดๆจากนายA ตามที่ทุนต่างชาติแจ้ง เลยพยายามทวงถามถึงยอดเงินดั่งกล่าวของค่าสินค้า ทางนายA เบี่ยงประเด็นเรื่องการถอนเงิน โดยอ้างว่า ไม่สามารถถอนยอดตามดั่งกล่าวได้ เพราะเงินที่เข้ามาตามเอกสารธนาคารที่ให้ดูวันแรกนั้น ไม่ใช่ค่าถุงมือที่สั่งนิลไว้ แต่เป็นค่าสินค้าของบริษัทนายAที่ลูกค้าโอนมาพอดี บังเอิญยอดมันคล้ายกันเลยเข้าใจผิด ทำให้ไม่สามารถสำรองเงินของบริษัทตัวเอง มาชำระตามสัญญาก่อนได้ แต่ยอดค่าถุงมือที่สั่งนิลไว้จะเข้ามาอีกครั้งในวันถัดไป นิลถึงจะได้รับเงินตามสัญญา ...
หลังจากนั่น นายA ก็ผลัดวันประกันพรุ่งมาตลอด ไม่มีการแจ้งพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดหรือปฏิเสทการรับสินค้าเลยสักครั้ง พยายามขาดการติดต่อ จะหาข้ออ้างต่างๆนานาเพื่อยือเวลาออกไป
-จนกระทั่งครบ7วัน ถุงมือที่นิลได้สำรองเงินมัดจำไว้ เจ้าของสินค้าได้ทำการเรียกคืนสินค้าทั้งหมด โดยต้องเสียค่าปรับเพิ่มเติม+ค่าขนย้าย เป็นจำนวนเงินอีก125,000บาท พร้อมทั้งโดนริบเงินมัดจำที่วางไว้ 300,000 บาท เนื่องจากไม่มีการชำระยอดเต็มเข้าไป จึงเสียสิทธิในการขายสินค้าlotนั้น และเสียเงินมัดจำ/ค่าปรับฟรีๆโดยไม่มีเหตุจำเป็น
นิลพยายามทวงถามความรับผิดชอบจากนายA ให้ช่วยรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น อย่างร้อยแต่ค่าสินค้าก็ยังดี แต่นายAกลับนิ่งเฉย ไม่แสดงตนออกมารับผิดชอบหรือรู้สึกผิดแต่อย่างใด
รวมค่าเสียหายตามจริง ค่าสินค้า/อุปกรณ์/สถานที่/คนงาน เป็นระยะเวลา7วัน รวม 630,000 บาท
ยังไม่รวมค่าเสียหายที่ต้องยกเลิกงานอื่นๆจนเสียลูกค้า3-4ราย เสียรายได้อันพึ่งมีต่อวันที่ควรได้รับ(ขั้นต่ำ20,000/วัน) / ค่าเสียโอกาสในการค้าขาย(กำไรขั้นต่ำ50,000/วัน) เพราะต้องสำรองค่าใช้จ่ายไปก่อน ทำให้ขาดเงินทุนที่ใช้หมุน ทำให้ธุรกิจไม่สามารถเดินต่อได้ ตลอดเวลานิลพยายามติดต่อขอไกล่เกลี่ย ขอให้นายAเห็นใจ พยายามปรานีประนอมทุกทาง แต่ไม่มีการตอบกลับใดๆ
ผลกระทบระยะยาวคือธุรกิจต้องหยุดชงัก ขาดรายได้อันพึ่งได้พึ่งมีทั้งหมดตั้งแต่วันที่ทำสัญญาจนถึงปัจจุบัน เกือบหมดตัว ธุรกิจพัง ไม่เหลือเงินทำทุน เครียดจนป่วย รายได้ที่ควรต้องได้ หายไปรวมๆเกือบ3ล้านบาท แบบนี้นิลจะเรียกร้องอะไรได้บ้างคะ สามารถฟ้องได้หรือไม่ ถ้าแจ้งความต้องแจ้งข้อหาอะไร ถ้าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด สามารถเป็นคดีอาญาเลยได้มั้ย มีข้อกฏหมายไหนรองรับบ้างมั๊ยคะ