WebBoard :กฎหมาย|ผู้ซื้อตามคู่สัญญา หลอกให้ลงทุนแล้วเบี้ยวการชำระหลังจากเซ็นสัญญา

ผู้ซื้อตามคู่สัญญา หลอกให้ลงทุนแล้วเบี้ยวการชำระหลังจากเซ็นสัญญา

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

ผู้ซื้อตามคู่สัญญา หลอกให้ลงทุนแล้วเบี้ยวการชำระหลังจากเซ็นสัญญา

  • 340
  • 1
  • post on 28 ก.ค. 2563, 11:09

สวัสดีค่ะ ชื่อนิลนะคะ นิลอยากสอบถามเกี่ยวกับข้อกฏหมาย ว่ากรณีต่อไปนี้สามารถแจ้งความฟ้องร้องค่าเสียหายแบบไหนได้บ้าง และฟ้องได้หรือไม่


-วันที่18 มิถุนายน2563 นิลได้ทำสัญญาซื้อ/ขาย ในฐานะผู้ขาย โดยมีผู้ซื้อ ชื่อนายA ได้ลงชื่อตัวเองในสัญญาขั้นกลางระหว่างทุนต่างชาติและผู้ขายไว้เอง สินค้าที่ระบุคือถุงมือจำนวน3ล้านกล่อง เป็นจำนวนเงิน 360,000,000บาท ตามในสัญญาระบุว่า A ต้องชำระค่าสินค้าแบบล็อต/ล็อต แต่ละล็อตจะรับสินค้า 40,000กล่อง ภายในระยะ7-10วัน แบ่งเป็น75งวด แต่ละงวด Aต้องชำระให้ผู้ขาย เป็นจำนวนเงิน4,800,000บาท 

ทางAรับทราบและยินยอมตกลงเซ็นสัญญาตามที่ระบุทุกประการ แต่ในวันเซ็นสัญญา Aได้ขอให้นิลซึ่งเป็นผู้ขาย สั่งลงสินค้าสำหรับLotแรกเพราะต้องการชมสินค้าจริงพร้อมเซ็นสัญญาและวางเงินทันที 

ทางนิลจัดการสั่งสินค้ามา12.8ตัน  เตรียมอุปกรณ์ คนงาน และสถานที่ เพื่อลงสินค้าและรองรับฝั่งA  โดยได้สำรองค่าใช้จ่ายทุกอย่างไปก่อนทั้งหมด สำหรับสินค้า ชำระเป็นค่ามัดจำให้เจ้าของสินค้า จำนวน 300,000บาท  

รวมค่าขน/อุปกรณ์/สถานที่/ค่าดำเนินการต่างๆ รวมเป็นเงิน 400,000 บาท 

เมื่อนายAมาถึง ตรวจเช็ตสินค้า/เอกสารและเซ็นสัญญาเรียบร้อย นายAได้ขอผลัดการชำระเงินงวดแรกไปก่อน โดยแจ้งเหตุผลว่า ต้องรอเงินจากต่างประเทศใช้เวลา1วัน ในวันรุ่งขึ้นจะรีบถอนเงินมาชำระตามสัญญาทันที พร้อมทั้งโชว์เอกสารจากธนาคาร 


-วันที่19 มิถุนายน 2563 

ตามเวลานัด Aไม่มาตามสัญญา พยายามติดต่อไปแต่ขาดการติดต่อหายไปอีก1วัน 


-วันที่20 มิถุนายน 2563 

ฝ่ายA ติดต่อกลับมาอีกครั้งว่า เงินจากต่างประเทศเข้าบัญชีบริษัทนายAเรียบร้อยแล้ว กำลังดำเนินการถอนและเดินทางมาชำระ/ ยืนยันยังคงรับสินค้าแน่นอน พร้อมทั่งแจ้งว่าทุนชาวต่างชาติเดินทางมาชมสินค้าด้วย เมื่อมาถึงทางเราพรีเซ็นสินค้าเรียบร้อย นายทุนก็ได้แจ้งวาาดำเนินการเรื่องเงินlotแรกให้นิลผ่านทางAเรียบร้อยแล้ว และจะสั่งสินค้าประเภทอื่นๆเพิ่ม 

แต่ทางนิลไม่ได้รับยอดเงินใดๆจากนายA ตามที่ทุนต่างชาติแจ้ง เลยพยายามทวงถามถึงยอดเงินดั่งกล่าวของค่าสินค้า ทางนายA เบี่ยงประเด็นเรื่องการถอนเงิน โดยอ้างว่า ไม่สามารถถอนยอดตามดั่งกล่าวได้ เพราะเงินที่เข้ามาตามเอกสารธนาคารที่ให้ดูวันแรกนั้น ไม่ใช่ค่าถุงมือที่สั่งนิลไว้ แต่เป็นค่าสินค้าของบริษัทนายAที่ลูกค้าโอนมาพอดี บังเอิญยอดมันคล้ายกันเลยเข้าใจผิด ทำให้ไม่สามารถสำรองเงินของบริษัทตัวเอง มาชำระตามสัญญาก่อนได้ แต่ยอดค่าถุงมือที่สั่งนิลไว้จะเข้ามาอีกครั้งในวันถัดไป นิลถึงจะได้รับเงินตามสัญญา ...


หลังจากนั่น นายA ก็ผลัดวันประกันพรุ่งมาตลอด ไม่มีการแจ้งพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดหรือปฏิเสทการรับสินค้าเลยสักครั้ง พยายามขาดการติดต่อ จะหาข้ออ้างต่างๆนานาเพื่อยือเวลาออกไป 


-จนกระทั่งครบ7วัน ถุงมือที่นิลได้สำรองเงินมัดจำไว้ เจ้าของสินค้าได้ทำการเรียกคืนสินค้าทั้งหมด โดยต้องเสียค่าปรับเพิ่มเติม+ค่าขนย้าย เป็นจำนวนเงินอีก125,000บาท พร้อมทั้งโดนริบเงินมัดจำที่วางไว้ 300,000 บาท เนื่องจากไม่มีการชำระยอดเต็มเข้าไป จึงเสียสิทธิในการขายสินค้าlotนั้น และเสียเงินมัดจำ/ค่าปรับฟรีๆโดยไม่มีเหตุจำเป็น 

นิลพยายามทวงถามความรับผิดชอบจากนายA ให้ช่วยรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น อย่างร้อยแต่ค่าสินค้าก็ยังดี แต่นายAกลับนิ่งเฉย ไม่แสดงตนออกมารับผิดชอบหรือรู้สึกผิดแต่อย่างใด 

รวมค่าเสียหายตามจริง ค่าสินค้า/อุปกรณ์/สถานที่/คนงาน เป็นระยะเวลา7วัน รวม 630,000 บาท

 ยังไม่รวมค่าเสียหายที่ต้องยกเลิกงานอื่นๆจนเสียลูกค้า3-4ราย เสียรายได้อันพึ่งมีต่อวันที่ควรได้รับ(ขั้นต่ำ20,000/วัน) / ค่าเสียโอกาสในการค้าขาย(กำไรขั้นต่ำ50,000/วัน)  เพราะต้องสำรองค่าใช้จ่ายไปก่อน ทำให้ขาดเงินทุนที่ใช้หมุน ทำให้ธุรกิจไม่สามารถเดินต่อได้  ตลอดเวลานิลพยายามติดต่อขอไกล่เกลี่ย ขอให้นายAเห็นใจ พยายามปรานีประนอมทุกทาง แต่ไม่มีการตอบกลับใดๆ 

ผลกระทบระยะยาวคือธุรกิจต้องหยุดชงัก ขาดรายได้อันพึ่งได้พึ่งมีทั้งหมดตั้งแต่วันที่ทำสัญญาจนถึงปัจจุบัน เกือบหมดตัว ธุรกิจพัง ไม่เหลือเงินทำทุน เครียดจนป่วย รายได้ที่ควรต้องได้ หายไปรวมๆเกือบ3ล้านบาท แบบนี้นิลจะเรียกร้องอะไรได้บ้างคะ สามารถฟ้องได้หรือไม่ ถ้าแจ้งความต้องแจ้งข้อหาอะไร ถ้าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด สามารถเป็นคดีอาญาเลยได้มั้ย มีข้อกฏหมายไหนรองรับบ้างมั๊ยคะ

ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
โดยคุณ KC (172.68.xxx.xxx) 28 ก.ค. 2563, 11:09

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1

ฉ้อโกง


  ตามข้อเท็จจริง  คงพอจะแจ้งข้อหาฉ้อโกงได้  เพราะหลอกคุณด้วยข้อความอันเป็น จนคุณยอมมอบสินค้าไป แต่ไม่จ่ายเงินตามข้อตกลง  เป็นคดีที่ยอมความกันได้  ต้องแจ้งความภายในสามเดือนที่ทราบเรื่องและทราบตัวผู้กระทำความผิด   ในทางแพ่งก็สามารถเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆได้....แต่ผู้ซืั้อคงต่อสู้ว่า เป็นการผิดสัญญาซื้อขาย  ซึ่งเป็นเรื่องทางแพ่งเท่านั้น คงต้องพิสูจน์กันยืดยาวว่า เป็นการฉ้อโกง...ข้อเสนอแนะ การลงทุนที่ทุนดำเนินการเป็นล้าน  ควรมีทนายความ หรือนักกฎหมาย ไว้เป็นที่ปรึกษาทุกขั้นตอน  เพื่อป้องกันความผิดพลลาด  แม้จะฟ้องร้องได้ แต่คงไม่ใช่เรื่องง่าย....และในกรณีนี้ ควรมีทนายความช่วยเหลือ ก่อนจะดำเนินการใดๆต่อไป ครับ

โดยคุณ มโนธรรม เจษฎาสาธุชน 28 ก.ค. 2563, 18:38

แสดงความเห็น