คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5856/2567

บทความวันที่ 1 ก.ค. 2568, 13:57

มีผู้อ่านทั้งหมด 170 ครั้ง

ฟ้องชู้แต่บรรยายไม่ละเอียด ศาลยกฟ้อง
#ฟ้องชู้  #เรียกค่าทดแทน 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5856/2567
         ภริยาเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นโดยไม่มีเงื่อนไขต้องฟ้องหย่าสามีได้  ต้องปรากฎพฤติการณ์ว่าหญิงอื่นนั้นได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์อย่างไร  โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีพฤติการณ์แสดงตนโดยเปิดเผยอย่างไร  อันเป็นประเด็นแห่งคดีที่โจทก์จะนำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว  โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าทดแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง
           โจทก์ฟ้องว่า โจทก์อยู่กินฉันสามีภริยากับนาย ก. เดิมมีชื่อตัวและชื่อสกุลว่านาย ร. ตั้งแต่ปี 2528  ต่อมาจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2549  ระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยา นาย ก.แอบไปคบหากับจำเลยในลักษณะชู้สาวและร่วมประเวณีกันหลายครั้ง โจทก์พบภาพถ่ายในโทรศัพท์ของสามีจำนวนหลายภาพที่ถ่ายคู่กับจำเลยในสถานที่ต่างๆ โจทก์พยายามสืบตามหาสามีกับจำเลยกระทั่ง  เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 โจทก์พบว่าสามีโจทก์แอบพาจำเลยไปร่วมหลับนอนอยู่ด้วยกันในลักษณะชู้สาวที่บ้านของสามีโจทก์ ซึ่งเคยเปิดเป็นบ้านเช่า โจทก์จึงถ่ายภาพและบันทึกวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน จำเลยทราบอยู่แล้วว่าโจทก์กับสามีโจทก์เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายแต่จำเลยยังคบหาหลับนอนกับสามีโจทก์ การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง  อับอายขายหน้าต่อเพื่อนร่วมงาน ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าทดแทน 800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับขอให้จำเลยหยุดกระทำในลักษณะชู้สาวกับสามีโจทก์อีกต่อไป
            จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้คบหาหรือมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในลักษณะเปิดเผยหรือแสดงออกต่อบุคคลภายนอกว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว  แม้หากจำเลยคบหาทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์จริง  แต่โจทก์รู้เห็นเป็นใจและยินยอมให้สามีโจทก์คบหากับจำเลย  โดยโจทก์ตกลงยินยอมให้สามีโจทก์อยู่กับจำเลยในวันเสาร์ถึงวันจันทร์ และตกลงให้สามีโจทก์อยู่กับโจทก์ในวันอังคารถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคม 2563 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องค่าทดแทนที่โจทก์ฟ้องมาสูงเกินจริง โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือได้รับความอับอายขายหน้า และโจทก์ทราบมูลเหตุคดีนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563  เมื่อโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 เกินกว่า 1 ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
           ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าทดแทน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 เมษายน 2564  ถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564  เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นให้ยก
           จำเลยอุทธรณ์
           ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษากลับ  ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
            โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
           ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยหรือไม่  เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า สามีโจทก์แอบไปคบหากับจำเลยในลักษณะชู้สาวและร่วมประเวณีกันหลายครั้ง  โจทก์พบภาพถ่ายในโทรศัพท์ของสามีหลายภาพที่ถ่ายคู่กับจำเลยในสถานที่ต่างๆ โจทก์พยายามสืบตามหาสามีกับจำเลยกระทั่งเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 โจทก์พบว่าสามีโจทก์แอบพาจำเลยไปร่วมหลับนอนอยู่ด้วยกันในลักษณะชู้สาวที่บ้านของสามีโจทก์ซึ่งเคยเปิดเป็นบ้านเช่า  โจทก์จึงถ่ายภาพและบันทึกวีดีโอโดยโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้เป็นหลักฐาน  การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง อับอายขายหน้า จึงเป็นการใช้สิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง  ซึ่งบัญญัติว่า "สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยดเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้"  จากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การที่ภริยาเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นโดยไม่มีเงื่อนไขต้องฟ้องหย่าสามีมาด้วยนั้น  ต้องปรากฎพฤติการณ์ด้วยว่าหญิงอื่นนั้นได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์อย่างไร  เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีพฤติการณ์แสดงตนโดยเปิดเผยอย่างไร  อันเป็นประเด็นแห่งคดีที่โจทก์จะนำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว  โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าทดแทน  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา 1523 วรรคสอง  ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่นของโจทก์ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
    พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

ปรึกษาข้อกฎหมายสอบถาม 02-948-5700 หรือ 081-616-1425 หรือ 081-625-2161, 081-821-7470