คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5055/2567

บทความวันที่ 26 มิ.ย. 2568, 10:45

มีผู้อ่านทั้งหมด 126 ครั้ง

ไฟแนนซ์ตามยึดรถโดยยังไม่เลิกสัญญา เรียกค่าขาดราคาไม่ได้  เรียกค่าเสื่อมราคาได้
#ยึดรถ #ยกเลิกสัญญา #ค่าขาดราคา #ค่าเสื่อมราคา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5055/2567
            โจทก์ติดตามรถยนต์ที่เช่าซื้อกลับคืนในขณะที่สัญญาเช่าซื้อยังไม่เลิกกัน  เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่โต้แย้งคัดค้านที่โจทก์กลับเข้าครอบครองรถยนต์ที่เช่าซื้อ  พฤติการณ์ถือว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างสมัครใจเลิกสัญญาต่อกันโดยปริยาย  โจทก์ก็ไม่อาจอาศัยข้อตกลงตามสัญญาเช่าซื้อที่ระบุว่า  "..หรือสัญญาสิ้นสุดไม่ว่าด้วยกรณีอื่นใดก็ตาม และเจ้าของได้กลับเข้าครอบครองรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..." มาเรียกร้องค่าขาดราคาจากจำเลยที่ 1 ได้เพราะเมื่อโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างสมัครใจเลิกสัญญาต่อกันโดยปริยายอันเป็นผลให้คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายไม่มีสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาต่อกันอีก  โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาอันเป็นค่าเสียหายตามข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อได้นั้น
          โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างสมัครใจเลิกสัญญาเช่าซื้อต่อกันโดยปริยาย กรณีเช่นนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติถึงผลของการเลิกสัญญาที่จะยกมาปรับคดีได้  ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเทียบเคียงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคหนึ่ง  ที่บัญญัติถึงการเลิกสัญญาที่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญา อันเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งตามมาตรา 4 โจทก์และจำเลยที่ 1 จำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้ กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 วรรคหนึ่ง เฉพาะการส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์นั้น การกลับเข้าครอบครองรถยนต์ ที่เช่าซื้อของโจทก์ไม่อาจทำให้โจทก์กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมได้ เหมือนดังเช่นขณะทำสัญญาเนื่องจากรถยนต์เป็นทรัพย์ที่เสื่อมสภาพและเสื่อมราคาไปตามกาลเวลาและการใช้งาน  เพื่อให้โจทก์ได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมได้ใกล้เคียงกับขณะทำสัญญาเท่าที่พอจะเป็นไปได้ จำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่เช่าซื้อให้แก่โจทก์

มีปัญหาข้อกฎหมายสอบถาม 02-948-5700 หรือ 081-616-1425 หรือ 081-625-2161, 081-821-7470