"ราชทัณฑ์" สั่งล่า3นักโทษ แหกคุกเรือนจำเขาไม้แก้ว
จากข่าวนักโทษชายหลบหนีจากเรือนจำ จำนวน 3 ราย ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 190 ซึ่งมีการกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี แต่การกระทำดังกล่าวของผู้ต้องขังได้ร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 3 คน ขึ้นไป ซึ่งเป็นบทเพิ่มโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 190 วรรค 2 มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี
( ที่มา www.dailynews.co.th )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4915/2537
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นผู้ต้องหาในคดีชิงทรัพย์ถูกคุมขังอยู่ที่ห้องขังของสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าเรือ วันที่ 21 สิงหาคม 2534 เวลา8 นาฬิกา นายดาบตำรวจสิทธิ สืบกลิ่น เสมียนคดี แจ้งความประสงค์ต่อนายดาบตำรวจแก้ว แจ่มอารมย์ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่สิบเวรว่าได้รับคำสั่งจากพันตำรวจตรีสุรชัย คีรีวิเชียร พนักงานสอบสวนให้มาพิมพ์ลายนิ้วมือของจำเลย นายดาบตำรวจแก้วจึงให้สิบตำรวจตรีประหยัด ดีเสมอ ช่วยควบคุมดูแลด้วย แล้วนายดาบตำรวจแก้วไขกุญแจห้องขังเปิดประตูเพื่อใส่กุญแจมือจำเลยก่อนนำจำเลยออกจากห้องขัง แต่จำเลยวิ่งสวนทางออกมาโดยนายดาบตำรวจแก้วไม่สามารถคว้าข้อมือจำเลยได้ทัน สิบตำรวจตรีประหยัดคว้าคอเสื้อจำเลยไว้แต่จำเลยดิ้นหลุดไปได้และวิ่งหลบหนีลงไปทางบันไดของสถานีตำรวจสิบตำรวจตรีเฉลียว รุ่งระวี ซึ่งยืนอยู่ตรงที่พักบันไดประสบเหตุดังกล่าว จึงเข้าสกัดจับจำเลยไว้ได้โดยมีนายดาบตำรวจแก้วและสิบตำรวจตรีประหยัดเข้าช่วยในการจับกุมด้วย เห็นว่านายดาบตำรวจแก้วปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ควบคุมจำเลยไว้ในห้องขังสถานีตำรวจดังกล่าวอันเป็นการควบคุมที่เจ้าพนักงานตำรวจจัดกำหนดขอบเขตเอาไว้ เมื่อจำเลยออกจากขอบเขตดังกล่าวโดยผู้มีอำนาจควบคุมจำเลยยังมิได้อนุญาตในลักษณะของการวิ่งหลบหนีออกมาพ้นเขตควบคุมแล้วไม่ว่าเจ้าพนักงานตำรวจจะติดตามจับกุมจำเลยได้หรือไม่ก็ตามการกระทำของจำเลยย่อมเป็นการหลบหนีไปในระหว่างที่ถูกคุมขังของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาเป็นความผิดสำเร็จแล้วไม่จำเป็นต้องหลบหนีให้พ้นออกไปจากตัวอาคารของสถานีตำรวจดังกล่าวจึงจะถือว่าการหลบหนีสำเร็จดังจำเลยกล่าวอ้าง คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในปัญหานี้ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 190 ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรกได้กระทำโดยแหกที่คุมขัง โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้ในสองวรรคก่อนกึ่งหนึ่ง