ยาบ้า 1 เม็ดในรถบรรทุก ผบ.ตร.ยกเป็นเคสอุทาหรณ์คนขับ
หากยาเสพติดดังกล่าวเป็นของคนขับรถจริง คนขับก็จะมีความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่1 ครอบครองโดยผิดกฏหมาย แต่หากยาเสพติดดังกล่าวเป็นของผู้อื่นที่ไม่ใช่ของตน ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นของใครหรืออยู่ในรถได้อย่างไร อาจจะเนื่องจากรถคันดังกล่าวมีผู้ใช้หลายคนหรือมีผู้ใดบ้างที่ขึ้นไปในรถก่อนเกิดเหตุ และการค้นของตำรวจชอบหรือไม่ หากตำรวจยัดยาจริงจะมีความผิดอย่างไร
การตรวจค้นของเจ้าพนักงานตำรวจนั้นกฏหมายให้อำนาจตำรวจสามารถค้นบุคคลในที่สาธารณะได้เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลใดมีสิ่งของที่เป็นความผิดไว้ในครอบครอง แต่หากพิสูจน์ได้ว่ายาดังกล่าวเป็นของตำรวจหรือตำรวจยัดยาจริง ตำรวจก็จะมีความผิดฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย เมื่อค้นโดยชอบแล้วพบยาเสพติดตำรวจก็มีอำนาจจับบุคคลดังกล่าวได้โดยไม่ต้องมีหมายจับเพราะถือว่าเป็นความผิดซึ่งหน้าตามมาตรา 78 ประกอบมาตรา 80
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
มาตรา 67 ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตและมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ หรือมีจำนวนหน่วยการใช้หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่ถึงปริมาณที่กำหนดตามมาตรา 15
วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้ง
ปรับ
ประมวลกฏหมายอาญา
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 78 วางหลักว่า พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับหรือคำสั่งของศาลนั้นไม่ได้ เว้นแต่
(1) เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้าดังได้บัญญัติไว้ในมาตรา 80
มาตรา 93 วางหลักว่า ห้ามมิให้ทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถาน เว้นแต่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้นในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำ
ความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิดหรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด
ที่มา : จากเพจช่องวัน