คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2559

บทความวันที่ 4 มี.ค. 2564, 11:25

มีผู้อ่านทั้งหมด 845 ครั้ง

สามีหรือภริยาทำร้ายหรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ ถ้าเป็นกรณีร้ายแรง อีกฝ่ายฟ้องหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2559  
    การที่จำเลยเรียกบุตรผู้เยาว์มาฟังคำด่าจนโจทก์ยอมให้จำเลยร่วมประเวณีเพื่อให้บุตรผุ้เยาว์ไปพักผ่อน เช่นนี้ถือว่าโจท์ยอมให้จำเลยร่วมประเวณีไม่ได้และการที่โจทก์มดลูกอักเสบจากกระร่วมประเวณีของจำเลย จำเลยทราบแต่ไม่หยุดร่วมประเวณีกับโจทก์ จนโจทก์ต้องหนีออกจากบ้าน พฤติกรรมขงอจำเลยถือเป็นการทำร้ายหรือทรมานจิตใจโจทก์อย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุอย่าตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516 (3) และยังถือเป็นพฤติการณ์ที่เป็นปฎิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (6) ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8611/2557
    โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยซึ่งเป็นสามีอ้างเหตุว่า จำเลยทรมานร่างกายและจิตใจของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (3) โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ด้วยการใช้วาจาไม่สุภาพและทะเลาะกับโจทก์โดยไม่มีเหตุผลเป็นประจำ จำเลยถือมีดทำครัวยืนขวางไม่ให้โจทก์ออกจากบ้านและขู่จะฆ่าให้ตายหากไม่นำภาพถ่ายในอดีตของโจทก์มาให้และข่มขู่จะทำร้ายโจทก์ด้วยอารมณ์รุนแรงไม่มีเหตุผล ทำให้โจทก์หนีออกจากบ้านเพราะเกรงจะถูกทำร้าย การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยใช้มีดขู่ให้โจทก์ยอมร่วมประเวณีด้วย ทั้งๆ ที่โจทก์ไม่สบายและไม่ต้องการร่วมประเวณี ทำให้โจทก์รู้สึกทรมานร่างกายและจิตใจอย่างมาก จึงเป็นรายละเอียดแห่งเหตุหย่าตามที่โจทก์กล่าวบรรยายในฟ้อง มิใช่การนำสืบนอกเหนือจากฟ้องตามฎีกาของจำเลยแต่อย่างใด โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยได้