ตัวอย่างคดีไม่ถือเป็นการโกงเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2562
ในวันที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพร้อมทาวน์เฮ้าส์สองชั้นให้แก่จำเลยที่ 2 โดยเสน่หา เจ้าพนักงานบังคับคดีมีเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 เพียงพอต่อการชำระค่าเสียหายพร้อมค่าธรรมเนียมต่างๆ ทั้งหมดแก่โจทก์อยู่ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งสองยังถือไม่ได้ว่ามีเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานร่วมกันโกงเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6188/2562
หนี้ที่โจทก์อ้างเป็นมูลเหตุฟ้องจำเลยที่ 1 ใน ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ คือหนี้ที่โจทก์จดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้งสองมีเจตนาเพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นของโจทก์ เมื่อความปรากฎต่อศาลฎีกาว่าคดีดังกล่าวศาลฎีการับฟังว่าโจทก์จดทะเบียนให้จำเลยที่ 1 ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทกึ่งหนึ่งและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทอีกกึ่งหนึ่งให้แก่จำเลยที่ 1 ด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่เพราะถูกจำเลยที่ 1 ใช้กลฉ้อฉลโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวและพิพากษายกฟ้องโจทก์ยืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 7 ผลของคำพิพากษาศาลฎีกาทำให้โจทก์กับจำเลยที่ 1มิได้เป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ต่อกัน โจทก์ไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่โอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 ขาดองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามฟ้อง