การขอให้เพิกถอนการบังคับคดีต้องร้องขอเข้ามาในคดีที่มีการบังคับคดี
จะร้องขอเข้ามาในสำนวนคดีอื่นไม่ได้ และจะฟ้องขอให้เพิกถอนเป็นคดีใหม่ไม่ได้เช่นกัน แม้จะมีคำขอให้เรียกค่าเสียหายมาด้วยก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8345/2550
การร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีใดๆ ตามปวิพ.มาตรา 296 วรรคสอง ต้องยื่นคำร้องขอในคดีที่มีการบังคับคดีเท่านั้น โจทก์จะยื่นคำร้องขอในคดีของตนเองเพื่อขอให้เพิกถอนการบังคับคดีในคดีอื่นหาได้ไม่ และตราบใดที่การบังคับคดีในคดีอื่นยังไม่ถูกเพิกถอน โจทก์ย่อมไม่อาจขอให้เรียกเงินที่ถูกอายัดในคดีดังกล่าวมาได้
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 295 ในกรณีที่คําบังคับ หมายบังคับคดี หรือคําสั่งศาลในชั้นบังคับคดีบกพร่อง ผิดพลาด หรือฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจําเป็นจะต้องเพิกถอนหรือแก้ไขคําบังคับ หมายบังคับคดี หรือคําสั่งดังกล่าวนั้น เมื่อศาลเห็นสมควรไม่ว่าในเวลาใดก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง หรือเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาล หรือเมื่อเจ้าหนี้ตามคําพิพากษา ลูกหนี้ตามคําพิพากษา หรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายเพราะเหตุดังกล่าว ยื่นคําร้องต่อศาลให้ศาลมีอํานาจสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคําบังคับ หมายบังคับคดี หรือคําสั่งดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วน หรือมีคําสั่งอย่างใดตามที่ศาลเห็นสมควร
ภายใต้บังคับมาตรา 331 วรรคสาม ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดําเนินการบังคับคดีบกพร่อง ผิดพลาด หรือฝ่าฝืนกฎหมาย เมื่อศาลเห็นสมควรไม่ว่าในเวลาใดก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง หรือเมื่อเจ้าหนี้ตามคําพิพากษา ลูกหนี้ตามคําพิพากษา หรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายเพราะเหตุดังกล่าว ยื่นคําร้องต่อศาล ให้ศาลมีอํานาจสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงหรือวิธีการบังคับใด ๆ โดยเฉพาะหรือมีคําสั่งกําหนดวิธีการอย่างใดแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่ศาลเห็นสมควร
การยื่นคําร้องตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองอาจกระทําได้ไม่ว่าในเวลาใดก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างน้ัน ทั้งนี้ผู้ยื่นคําร้องต้องมิได้ดําเนินการอันใดขึ้นใหม่หลังจากได้ทราบเรื่องบกพร่อง ผิดพลาด หรือฝ่าฝืนกฎหมายนั้นแล้ว หรือต้องมิได้ให้สัตยาบันแก่การกระทํานั้น และในกรณีเช่นว่านี้ผู้ยื่นคําร้องจะขอต่อศาลในขณะเดียวกันนั้นให้มีคําสั่งงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างวินิจฉัยชี้ขาดก็ได้
เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ให้ถือว่าการบังคับคดีได้เสร็จลงเมื่อได้มีการดําเนินการดังต่อไปนี้
(1) ในกรณีที่คําบังคับกําหนดให้ส่งทรัพย์สิน กระทําการ หรืองดเว้นกระทําการอย่างใด เมื่อได้มีการปฏิบัติตามคําบังคับที่ให้ส่งทรัพย์สิน กระทําการ หรืองดเว้นกระทําการอย่างนั้นแล้ว แต่ถ้าการปฏิบัติตามคําบังคับดังกล่าวอาจแยกเป็นส่วน ๆ ได้ เมื่อได้มีการปฏิบัติตามคําบังคับในส่วนใดแล้ว ให้ถือว่าการบังคับคดีได้เสร็จลงเฉพาะในส่วนนั้น
(2) ในกรณีที่คําบังคับกําหนดให้ใช้เงิน เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้จ่ายเงินตามมาตรา 339 มาตรา 340 มาตรา 342 มาตรา 343 หรือมาตรา 344 แล้วแต่กรณี แล้ว แต่ถ้าทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดีมีหลายรายการ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้จ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินรายการใดแล้ว ให้ถือว่าการบังคับคดีได้เสร็จลงเฉพาะทรัพย์สินรายการนั้น
ในการยื่นคําร้องต่อศาลตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง หากมีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคําร้องนั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ศาลมีอํานาจสั่งให้ผู้ยื่นคําร้องวางเงินหรือหาประกันต่อศาลตามจํานวนและภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควรเพื่อเป็นประกันการชําระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคําพิพากษาหรือบุคคลนั้นสําหรับความเสียหายที่อาจได้รับจากการยื่นคําร้องนั้น ถ้าผู้ยื่นคําร้องไม่ปฏิบัติตามคําสั่งศาล ให้ศาลมีคําสั่งยกคําร้องนั้นเสีย ส่วนเงินหรือประกันที่วางไว้ต่อศาลดังกล่าว เม่ือศาลเห็นว่าไม่มีความจําเป็นต่อไป จะสั่งคืนหรือยกเลิกประกันนั้นก็ได้ คําสั่งของศาลที่ออกตามความในวรรคนี้ให้เป็นที่สุด
ในกรณีที่ศาลได้มีคําสั่งยกคําร้องที่ยื่นไว้ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ถ้าบุคคลที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการยื่นคําร้องดังกล่าวเห็นว่าคําร้องนั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพ่ือประวิงให้ชักช้า บุคคลดังกล่าวอาจยื่นคําร้องต่อศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีคําสั่งยกคําร้อง เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ผู้ยื่นคําร้องนั้นชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ศาลมีอํานาจสั่งให้แยกการพิจารณาเป็นสํานวนต่างหากจากคดีเดิม และเมื่อศาลไต่สวนแล้วเห็นว่าคําร้องนั้นฟังได้ ให้ศาลมีคําสั่งให้ผู้ยื่นคําร้องนั้นชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลที่ได้รับความเสียหายดังกล่าวตามจํานวนที่ศาลเห็นสมควร ถ้าผู้ยื่นคําร้องนั้นไม่ปฏิบัติตามคําสั่งศาล บุคคลที่ได้รับความเสียหายอาจร้องขอให้ศาลบังคับคดีแก่ผู้ยื่นคําร้องนั้นเสมือนหนึ่งว่าเป็นลูกหนี้ตามคําพิพากษา