เจ้าหนี้ใช้วิธีการทวงหนี้ที่รุนแรงโดยจับตัวลูกหนี้ไปขู่บังคับให้ชำระหนี้ เป็นความผิดฐานกรรโชก|เจ้าหนี้ใช้วิธีการทวงหนี้ที่รุนแรงโดยจับตัวลูกหนี้ไปขู่บังคับให้ชำระหนี้ เป็นความผิดฐานกรรโชก

เจ้าหนี้ใช้วิธีการทวงหนี้ที่รุนแรงโดยจับตัวลูกหนี้ไปขู่บังคับให้ชำระหนี้ เป็นความผิดฐานกรรโชก

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

เจ้าหนี้ใช้วิธีการทวงหนี้ที่รุนแรงโดยจับตัวลูกหนี้ไปขู่บังคับให้ชำระหนี้ เป็นความผิดฐานกรรโชก

  • Defalut Image

การข่มขืนใจผู้อื่นอันเป็นความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337

บทความวันที่ 5 พ.ค. 2563, 09:51

มีผู้อ่านทั้งหมด 1172 ครั้ง


เจ้าหนี้ใช้วิธีการทวงหนี้ที่รุนแรงโดยจับตัวลูกหนี้ไปขู่บังคับให้ชำระหนี้ เป็นความผิดฐานกรรโชก

             การข่มขืนใจผู้อื่นอันเป็นความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 เป็นการบังคับจิตใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน ส่วนวิธีการข่มขืนใจ 1.โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือ 2. โดยขู่เข็ญวาจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9970/2553
            แม้ว่า  ส.  เป็นหนี้จำเลยที่ 4  จริงและไม่ชำระหนี้ จำเลยที่ 4 ก็ต้องดำเนินคดี ส. ทางศาลมิใช่ร่วมกันจับตัวขู่บังคับให้  ส. ชำระหนี้ ซึ่ง ส. ไม่มีเงินชำระหนี้ จำเลยทั้งหกก็เรียกเอาเงิน สร้อยคอทองคำ และพระเลี่ยมทองคำจาก อ. และ ร.  ภริยาและมารดา ส.  และจำเลยทั้งหกอ้างว่าเหตุที่ได้รับเงินพร้อมทองรูปพรรณและพระเลี่ยมทองคำแล้วพากันกลับต้องนำตัว ส. ไปด้วยเพราะเกรงจะถูกทำร้าย  แสดงว่าจำเลยทั้งหกใช้วิธีการข่มขู่อย่างรุนแรงจนเกรงว่าจะถูกทำร้าย การกระทำของจำเลยทั้งหกจึงเป็นการข่มขืนใจ  ส.  อ.  และ  ร. ให้ยอมให้เงิน ทองรูปพรรณ  และพระเลี่ยมทองคำแก่จำเลยทั้งหกโดยใช้กำลังประทุษร้าย  จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันกรรโชก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337


ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 337 
ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
ถ้าความผิดฐานกรรโชกได้กระทำโดย
(1) ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจ หรือผู้อื่นให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือ
(2) มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก