หลอกลวงอ้างว่าสามารถวิ่งเต้นเรื่องพระราชทานอภัยโทษได้ ผู้ถูกหลอกลวงดำเนินคดีฉ้อโกงได้
จำเลยหลอกลวงโจทก์โดยอ้างว่าสามารถวิ่งเต้นให้สามีโจทก์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่จำเลยไม่สามารถดำเนินการได้ เมื่อโจทก์ทวงถาม จำเลยก็ไม่ยอมคืน แสดงว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถวิ่งเต้นกรณีดังกล่าวได้ อันเป็นการหลอกลวงโจทก์ โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ และไม่ถือว่าโจทก์มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1666/2562
พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยเป็นฝ่ายไปเรียกเงินจากโจทก์เพื่อเป็นการตอบแทนในการไปวิ่งเต้นให้สามีโจทก์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ หลังจากมอบเงินให้จำเลย จำเลยไม่สามารถดำเนินการให้สามีโจทก์ได้รับพระราชทานอภัยโทษได้ เมื่อโจทก์ทวงถามจำเลยก็บ่ายเบี่ยงและไม่ยอมคืนเงินให้ แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะวิ่งเต้นให้สามีโจทก์ได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถวิ่งเต้นกรณีดังกล่าวได้ อันเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือหลองลวงโจทก์ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีในข้อหานี้ได้ และกรณีฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีเจตนาตั้งแต่แรกจะวิ่งเต้นให้สามีโจทก์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่โจทก์กระทำไปเพราะถูกจำเลยหลอกลวง ถือไม่ได้ว่าโจทก์มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมีสิทธินำคดีมาฟ้องได้
ตัวบทกฏหมายอ้างอิง
ประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 2 ในประมวลกฎหมายนี้
(4) “ผู้เสียหาย” หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 4, 5 และ 6