1.รถยนต์ชนกัน ไม่ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐาน ตาม ปพพ. มาตรา 437
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2490
ยานพาหนะที่เดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลโดนกันเสียหายไม่ตกอยู่ในบังคับแห่ง มาตรา 437 ในกรณีเช่นนี้การนำสืบต้องตกอยู่ในหลักธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2523
กรณีรถยนต์อันเป็นยานพาหนะซึ่งต่างเดินด้วยเครื่องจักรกลชนกันนั้นจะนำ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 มาบังคับหาได้ไม่
2.แต่ถ้าหากผู้เสียหายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการควบคุมหรือครอบครองรถยนต์ที่ชนกัน ผู้เสียหายยังได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามปพพ. มาตรา 437 อยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436 - 437/2559
จำเลยที่ 10 และ ป. ขับรถเฉี่ยวชนกัน ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย และทำให้ทรัพย์สินของผู้ตายได้รับความเสียหาย ดังนั้นจำเลยที่ 10 และ ป. จึงเป็นผู้ครอบครองหรือเป็นผู้ควบคุมดูแลยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล โดยผู้ตายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการควบคุมหรือครอบครองเครื่องจักรกลที่ก่อให้เกิดความเสียหายด้วย จำเลยที่ 10 และ ป. จึงต้องรับผิดเพื่อการเสียหายอันเกิดจากยานพาหนะนั้นเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือเป็นเพราะความผิดของผู้เสียหายนั้นเอง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 437 วรรคหนึ่ง
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 437 บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงบุคคลผู้มีไว้ในครอบครองของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้นด้วย