สัญญาซื้อขายที่ดิน
พอดีเมื่อเดือน ก.ค.55 ไปทำสัญญาซื้อขายที่ดินจำนวน 1.5 ไร่ จำนวนเงิน 2,100,000 บาท วางมัดจำไปแล้ว 250,000 บาท สัญญาไม่ได้กำหนดวันโอน บอกแค่ว่าซื้อขายโฉนดเลขที่.....(โฉนดยังไม่ได้แบ่งแยก) แต่ไม่ได้ระบุจังหวัด อำเภอ และทางเราได้บอกกับทางเจ้าของที่ว่าจะขอเอาที่เข้าธนาคารเพื่อกู้ส่วนที่เหลือมาชำระ ตอนแรกก็ยอม แต่พอมาตอนหลังมาแบ่งที่เรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าของไม่ยอมให้เอาที่ไปเข้าแบงก์และกะจะทำเป็นว่าเราไม่สามารถหาเงินมาซื้อได้จะยึดเงินมัดจำ จะมีทางไหนบ้างหรือเปล่าค่ะที่จะซื้อได้และได้เงินมัดจำคืนเพราะการคุยกันไม่ได้ทำเป็นสัญญา
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
เมื่อการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างท่านกับผู้ขาย เป็นที่ดินซึ่งมีหลักฐานเป็นโฉนดที่ดิน โดยการส่งมอบทรัพย์สิน นอกจากส่งมอบตัวทรัพย์คือที่ดินแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ายังต้องมีการแบ่งแยกโฉนดที่ดินกัน แล้วจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ท่าน และท่านยังจะต้องชำระราคาที่ดินส่วนที่เหลือให้ครบถ้วนอีกในภายหลัง จึงเป็นข้อบ่งชี้ว่า คู่สัญญามีเจตนาจะไปโอนที่ดินที่ซื้อขายกันในภายหลัง ไม่มีเจตนาให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโอนจากผู้ขายไปยังท่านทันทีในวันทำสัญญา สัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวจึงเป็นหนังสือก็ตาม แต่เมื่อท่านได้วางมัดจำให้ผู้ขายไว้เป็นเงินบางส่วนแล้วตั้งแต่ที่ได้ตกลงทำสัญญากัน สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทนี้จึงสมบูรณ์ในแบบที่ได้มีการวางมัดจำตามกฎหมาย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 วรรคสอง ท่านจึงสามารถฟ้องร้องบังคับคดีเอากับผู้ขายได้โดยไม่จำต้องมีเอกสารเป็นหนังสือและนำสืบข้อตกลงต่าง ๆ ที่เป็นการทำด้วยวาจาได้
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 456 การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย
สัญญาจะขายหรือจะซื้อ หรือคำมั่นในการซื้อขายทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือได้วางประจำไว้หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ให้ใช้บังคับถึงสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาท หรือกว่านั้นขึ้นไปด้วย