ปัญหาที่ผมขอสอบถามคือ บริษัทต่างชาติเพิ่งมาลงทุนเปิดโรงงานในไทยได้ไม่นาน (ชาวต่างชาติถือหุ้น 100%) ตอนลงทุนเริ่มต้นนำเงินเข้ามา 25 ล้านบาท อยู่ๆ ไปชักสนุกกำลังจะมีโครงการลงทุนโน่นนี่นั่นเพิ่ม เลยได้ทำการจดทะเบียนเพิ่มทุนเพิ่มอีก 25 ล้านบาท (รวมเป็น 50 ล้านบาท ชำระเต็ม) แต่พอโอนเงินเข้ามาแล้ว อยู่ได้ไม่ถึงสองเดือน เจ้าของบริษัทกลับเสียชีวิตกระทันหัน ผู้บริหารที่รับช่วงต่อเลยต้องการชะลอแผนการลงทุนเพิ่มเติม และส่งคืนเงิน 25 ล้านหลังที่เพิ่งโอนเข้ามาเพิ่มทุนกลับคืนออก ตปท ไปนะครับ
โครงสร้างภายในบริษัทโดยมีสัดส่วนดังนี้ครับ
บริษัทแม่ A (บริษัทแม่ใน ตปท.)
นาย B เป็นประธานและเจ้าของบริษัท A และถือหุ้นบริษัทลูกในไทย และเสียชีวิต
นาง C เป็นภรรยานาย B ผู้เสียชีวิต (มีบุตร 2 คน) และก็มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทอยู่แล้วด้วย
นาย D เป็นน้องชายนาง B ภรรยาผู้เสียชีวิต และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริหารจัดการบริษัท และก็มีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทด้วยเช่นกัน
จากการศึกษาข้อมูล ผมเข้าใจว่าหุ้นของผู้ตายจะตกเป็นมรดกของทายาท โดยพ่อแม่ของผู้ตายเสียชีวิตหมดแล้ว ดังนั้นหุ้นของบริษัทจะต้องถูกแบ่งเป็นสองส่วนก่อน แล้วส่วนหนึ่งนาง B ผู้เป็นภรรยาเป็นผู้ได้ไป แล้วอีกส่วนที่เหลือต้องหาร 3 แล้วนาง B ภรรยาได้หนึ่งส่วน แล้วที่เหลือสองส่วนแบ่งให้กับบุตรสองคนคนละส่วน ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ หากที่ผมอธิบายไปถูกต้อง คำถามต่อมาคือ
ข้อ 1. นาย D ซึ่งเป็นกรรมการสามารถจัดทำ บอจ.5 เพื่อโอนหุ้นให้กับภรรยาและลูกๆของผู้ตายได้เลยหรือไม่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกเข้ามาจัดการ เพราะเป็นเรื่องภายในบริษัท และทุกคนเข้าใจและยอมรับหลักการโดยไม่มีการท้วงติงใดๆ (จริงๆ ภรรยาคิดว่าจะมอบหมายให้นาย D น้องชายเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งผมมองว่าไม่จำเป็น) ขอความคิดเห็นประเด็นนี้ด้วยครับ
ข้อ 2. หากข้อ 1. ทำได้ แต่ผมขอเปลี่ยนเงื่อนไขหน่อยตรงที่ว่า หากนาย D จะโอนหุ้นของผู้ตายทั้งหมดให้กับนาง C ซึ่งเป็นภรรยาผู้ตายทั้งหมดแต่ผู้เดียวโดยไม่ต้องแบ่งให้ลูกๆ เลยจะได้หรือไม่ครับ ซึ่งผมเข้าใจว่ามันน่าจะผิดหลักการ แต่ถ้าจะทำจริงๆ ก็ทำได้ตราบใดที่ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง(ไม่ทราบว่านานแค่ไหน)ไม่มีการโต้แย้งจากผู้มีส่วนได้เสีย(บุตร) เหตุที่จะไม่มีการแบ่งให้กับลูกๆ เพราะว่ามันมีเบื้องหลังครับ เนื่องจากเงิน 25 ล้านหลังที่เอามาเพิ่มทุนในบริษัทนั้น จริงๆ แล้วครึ่งหนึ่งเป็นเงินที่ยืมของภรรยามา และอีกครึ่งหนึ่งเป็นเงินที่ยืมบริษัทแม่ที่ ตปท. มา (ก็บริษัทของผู้ตายเองนั่นแหละ)
ดังนั้นหากตามข้อ 2 สามารถทำได้แล้ว มันจะยังมีขั้นตอนถัดไปที่จะต้องเลือกว่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีไหนจะยุ่งยากน้อยกว่า เช่น
1. ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทเพื่อคืนเงินกลับออกไปให้กับเจ้าของที่แท้จริง (ภรรยา กับ บริษัมแม่ใน ตปท.)
หรือ
2. โอนหุ้นทั้งหมดให้นาง C ผู้เป็นภรรยา แล้วให้บริษัทซื้อหุ้นคืนทั้งหมดกลับมาเป็นหุ้นของบริษัทแม่ (ภรรยาได้เงินสดคืนไปจากการขายหุ้น ส่วนบริษัทแม่ใน ตปท. ก็ได้ทรัพย์คืนเป็นจำนวนหุ้นแทนเงินสด)
ผมความคิดของผม ผมคิดว่าหากเลือกแก้ปัญหาโดยวิธีที่ 2 ความยุ่งยากของขั้นตอนน่าจะน้อยกว่าวิธีแรกครับ แต่ก็อาจจะยังพิจารณาไม่รอบด้านพอ เช่นเรื่องสรรพากร หรืออื่นๆ จึงรบกวนขอคำแนะนำจากผู้รู้ด้วยครับ