ร้องขอความเป็นธรรมจนอัยการสั่งฟ้องคดี|ร้องขอความเป็นธรรมจนอัยการสั่งฟ้องคดี

ร้องขอความเป็นธรรมจนอัยการสั่งฟ้องคดี

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ร้องขอความเป็นธรรมจนอัยการสั่งฟ้องคดี

หลานสมาชิกถูกตำรวจที่ จ.สระบุรี สภอ.หนองโดน ฆ่าตาย ทนายคลายทุกข์ได้เข้าไปมีส่วนช่วยเหลือในการทำหนังสือร้องขอความเป็นไปถึงผู้ว่า

บทความวันที่ 22 พ.ค. 2550, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 9675 ครั้ง


หลานสมาชิกถูกตำรวจที่ จ

หลานสมาชิกถูกตำรวจที่ จ.สระบุรี? สภอ.หนองโดน ฆ่าตาย?? ทนายคลายทุกข์ได้เข้าไปมีส่วน ช่วยเหลือในการทำหนังสือร้องขอความเป็นไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี? เพื่อให้พนักงานอัยการฟ้องคดี? หากไม่ร้องขอความเป็นธรรม? คดีนี้ก็อาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม? เนื่องจากคดีนี้พนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีตำรวจในโรงพักของตัวเอง? เราไปดูสำเนาคำฟ้องด้านล่างนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 3

ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคุณได้กระทำผิดจริงหรือเปล่า  หากคุณทำผิดจริงต่อให้ทนายเก่งแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้ หากเอกสารที่ว่านั้นจะเกิดประโยชน์ทำไมไม่ยื่นอุทธรณ์ เพราะศาลท่านคงมีดุลยพินิจอยู่ว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่ แม้จะยื่นตอนอุทธรณ์ท่านก็คงนำมาพิจารณาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมค่ะ กรณีนี้หากทนายความรับว่าความให้ใครแล้วเขาติดคุกก็คงต้องถูกร้องเรียนมรรยาทกันทุกคน โดยไม่ได้ดูข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่

โดยคุณ นักศึกษาเนติบัณฑิต 3 มิ.ย. 2554, 15:20

ความคิดเห็นที่ 2

ที่ ๑๑๒/๑๙๖ หมู่ที่๗ ตำบลสลักได อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
รหัสไปรษณีย์ ๓๒๐๐๐

เรื่อง ร้องขอความเป็นธรรมใน คดีหมายเลขดำ 623/2552 คดีหมายเลขแดง 624/2553
ศาลจังหวัดสุรินทร์ ความอาญา ระหว่าง
พนักงานอัยการจังหวัดสุรินทร์ โจทก์
นายอุทัยโชติบุตร กับพวกรวม 2 คน จำเลย

เรียน ผู้มีความเมตตาช่วยเหลืออนุเคราะห์ให้ความเป็นธรรม
ข้าพเจ้า นายอุทัย โชติบุตร อยู่บ้านเลขที่ ๑๑๒/๑๙๖ หมู่ที่ ๗ ตำบลสลักได อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ และ นายณัฐวุฒิ เครือวัลย์ อยู่บ้านเลขที่๒๕๐/๗๖ หมู่ ๑๙ ตำบลนอกเมือง อำเภอเมือง จังหวัด สุรินทร์ ได้แต่งตั้งทนายความ ชื่อ สุชาโต ประดับสุข เพื่อทำหน้าที่เป็นทนายในการแก้ต่างและซักค้านพยานโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งหลังจากได้แต่งตั้งให้เป็นทนายความของจำเลย แล้วนาย สุชาโต ประดับสุข ไม่เคยติดต่อจำเลยกับพวกไปเตรียมการเบิกความกับศาลเลย จำเลยกับพวกได้ติดต่อท่าน ท่านก็ให้ความหวังว่าไม่ต้องห่วงคดีนี้ศาลคงยกฟ้อง จนเหลืออีก ๔ วันก่อนนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยทนายความ สุชาโต ประดับสุข ได้มาขอรับค่าว่าความส่วนที่เหลือไว้จนครบ พอถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ จำเลยกับพวก พยานและญาติๆไปที่ศาล ไม่เห็น นายสุชาโต ประดับสุข มาทำหน้าที่จนเวลาประมาณ ๐๙.๓๐ น.
นาย วชิระ ผาสุก มาบอกว่า นายสุชาโตประดับสุข ไม่ว่างไปราชการที่กรุงเทพฯ ให้ผมมาทำหน้าที่แทน จนเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. ศาลได้สืบพยานโจทก์ พอสืบพยานโจทก์เสร็จ ผู้พิพากษาได้ถามทนายจำเลยว่า พร้อมที่จะสืบพยานจำเลยต่อหรือไม่ ทนายจำเลยบอกว่าพร้อมทั้งๆที่จำเลยและพยานบอกว่ายังไม่พร้อม ขอเป็นวันที่ ๑๙ พฤษพาคม ๑๕๕๓ ตามที่ศาลนัด แต่ทนายจำเลยบอกว่าไม่เป็นไรสืบพยานจำเลยให้เสร็จในวันนี้เลย สุดท้ายศาลก็สืบพยานจำเลยโดยให้จำเลย นาย อุทัย โชติบุตร และ
นาย ณัฐวุฒิ เครือวัลย์ เบิกความ ส่วนพยานบุคคลคือ นาย สนอง เครือวัลย์ และพยานเอกสารคือสำเนาบันทึกการตรวดสอบพื้นที่ของเจ้าหน้าที่วนอุทยานพนมสวาย ซึ่งมาตรวจพื้นที่และได้ลงความเห็นว่า
ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึ่งบันทึกดังกล่าวเป็นเอกสารหลักฐานสำคัญ เพราะเป็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่วนอุทยาน เจ้าหน้าที่ป่าไม้พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีร้อยเวรที่ทำสำเนาฟ้องลงชื่อด้วยรวม ๑๙ คน ส่วนผู้นำแจ้งและนำสำรวจไม่ยอมลงนาม ทนายจำเลยไม่นำมาเบิกความให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยทั้งสองคน การทำหน้าที่ของทนายจำเลยในครั้งนี้ถือว่าทำงานบกพร่องขาดความเอาใจใส่ขาดความรับผิดชอบและขาดจรรยาบรรณในวิชาชีพทนายความ จึงส่งผลให้ศาลชั้นต้น ต้องตัดสินลงโทษจำเลยทั้งสองตามสำเนาเอกสารคำพิพากษา ลงวันที่ ๓๐ เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ ลงโทษจำเลยทั้งสองติดคุกหนึ่งปี โดยไม่รอลงอาญา
เรื่อง ทั้งหมดเหล่านี้ข้าพเจ้าได้ชี้แจงและเสนอไปตั้งแต่ต้น พร้อมพยาน เอกสาร หลักฐานอื่นๆอีกมากมายมาประกอบให้ชี้ชัดเพื่อพิสูจน์ให้เห็นในความเป็นจริงทั้งหมดเหล่านี้มีอีกมากมายมาประกอบแต่ทนายก็กลับไม่นำมาประกอบชี้แจงให้เกิดประโยชน์ต่อข้าพเจ้า ทั้งๆที่ข้าพเจ้าพยายาม ชี้แจงขอร้อง
ให้ช่วย นำเอกสาร พยานและหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งหมดที่จะเกิดประโยชน์ต่อข้าพเจ้านำมาแสดง
แล้วทำให้ข้าพเจ้าไม่ได้รับความยุติธรรมเป็นอย่างมาก จนถูกตัดสินต้องโทษ โดยไม่มีความผิดในครั้งนี้


 

โดยคุณ อุทัย โชติบุตร 5 พ.ค. 2554, 22:18

ความคิดเห็นที่ 1

ที่ ๑๑๒/๑๙๖ หมู่ที่๗ ตำบลสลักได อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
รหัสไปรษณีย์ ๓๒๐๐๐

เรื่อง ร้องขอความเป็นธรรมใน คดีหมายเลขดำ 623/2552 คดีหมายเลขแดง 624/2553
ศาลจังหวัดสุรินทร์ ความอาญา ระหว่าง
พนักงานอัยการจังหวัดสุรินทร์ โจทก์
นายอุทัยโชติบุตร กับพวกรวม 2 คน จำเลย

เรียน ผู้มีความเมตตาช่วยเหลืออนุเคราะห์ให้ความเป็นธรรม
ข้าพเจ้า นายอุทัย โชติบุตร อยู่บ้านเลขที่ ๑๑๒/๑๙๖ หมู่ที่ ๗ ตำบลสลักได อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ และ นายณัฐวุฒิ เครือวัลย์ อยู่บ้านเลขที่๒๕๐/๗๖ หมู่ ๑๙ ตำบลนอกเมือง อำเภอเมือง จังหวัด สุรินทร์ ได้แต่งตั้งทนายความ ชื่อ สุชาโต ประดับสุข เพื่อทำหน้าที่เป็นทนายในการแก้ต่างและซักค้านพยานโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งหลังจากได้แต่งตั้งให้เป็นทนายความของจำเลย แล้วนาย สุชาโต ประดับสุข ไม่เคยติดต่อจำเลยกับพวกไปเตรียมการเบิกความกับศาลเลย จำเลยกับพวกได้ติดต่อท่าน ท่านก็ให้ความหวังว่าไม่ต้องห่วงคดีนี้ศาลคงยกฟ้อง จนเหลืออีก ๔ วันก่อนนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยทนายความ สุชาโต ประดับสุข ได้มาขอรับค่าว่าความส่วนที่เหลือไว้จนครบ พอถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ จำเลยกับพวก พยานและญาติๆไปที่ศาล ไม่เห็น นายสุชาโต ประดับสุข มาทำหน้าที่จนเวลาประมาณ ๐๙.๓๐ น.
นาย วชิระ ผาสุก มาบอกว่า นายสุชาโตประดับสุข ไม่ว่างไปราชการที่กรุงเทพฯ ให้ผมมาทำหน้าที่แทน จนเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. ศาลได้สืบพยานโจทก์ พอสืบพยานโจทก์เสร็จ ผู้พิพากษาได้ถามทนายจำเลยว่า พร้อมที่จะสืบพยานจำเลยต่อหรือไม่ ทนายจำเลยบอกว่าพร้อมทั้งๆที่จำเลยและพยานบอกว่ายังไม่พร้อม ขอเป็นวันที่ ๑๙ พฤษพาคม ๑๕๕๓ ตามที่ศาลนัด แต่ทนายจำเลยบอกว่าไม่เป็นไรสืบพยานจำเลยให้เสร็จในวันนี้เลย สุดท้ายศาลก็สืบพยานจำเลยโดยให้จำเลย นาย อุทัย โชติบุตร และ
นาย ณัฐวุฒิ เครือวัลย์ เบิกความ ส่วนพยานบุคคลคือ นาย สนอง เครือวัลย์ และพยานเอกสารคือสำเนาบันทึกการตรวดสอบพื้นที่ของเจ้าหน้าที่วนอุทยานพนมสวาย ซึ่งมาตรวจพื้นที่และได้ลงความเห็นว่า
ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึ่งบันทึกดังกล่าวเป็นเอกสารหลักฐานสำคัญ เพราะเป็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่วนอุทยาน เจ้าหน้าที่ป่าไม้พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีร้อยเวรที่ทำสำเนาฟ้องลงชื่อด้วยรวม ๑๙ คน ส่วนผู้นำแจ้งและนำสำรวจไม่ยอมลงนาม ทนายจำเลยไม่นำมาเบิกความให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยทั้งสองคน การทำหน้าที่ของทนายจำเลยในครั้งนี้ถือว่าทำงานบกพร่องขาดความเอาใจใส่ขาดความรับผิดชอบและขาดจรรยาบรรณในวิชาชีพทนายความ จึงส่งผลให้ศาลชั้นต้น ต้องตัดสินลงโทษจำเลยทั้งสองตามสำเนาเอกสารคำพิพากษา ลงวันที่ ๓๐ เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ ลงโทษจำเลยทั้งสองติดคุกหนึ่งปี โดยไม่รอลงอาญา
เรื่อง ทั้งหมดเหล่านี้ข้าพเจ้าได้ชี้แจงและเสนอไปตั้งแต่ต้น พร้อมพยาน เอกสาร หลักฐานอื่นๆอีกมากมายมาประกอบให้ชี้ชัดเพื่อพิสูจน์ให้เห็นในความเป็นจริงทั้งหมดเหล่านี้มีอีกมากมายมาประกอบแต่ทนายก็กลับไม่นำมาประกอบชี้แจงให้เกิดประโยชน์ต่อข้าพเจ้า ทั้งๆที่ข้าพเจ้าพยายาม ชี้แจงขอร้อง
ให้ช่วย นำเอกสาร พยานและหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งหมดที่จะเกิดประโยชน์ต่อข้าพเจ้านำมาแสดง
แล้วทำให้ข้าพเจ้าไม่ได้รับความยุติธรรมเป็นอย่างมาก จนถูกตัดสินต้องโทษ โดยไม่มีความผิดในครั้งนี้


 

โดยคุณ ปรารถนา 5 พ.ค. 2554, 22:17

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก