คำพิพากษาคดีทิ้งร้างเกินกว่าหนึ่งปี/สมัครใจแยกกันอยู่|คำพิพากษาคดีทิ้งร้างเกินกว่าหนึ่งปี/สมัครใจแยกกันอยู่

คำพิพากษาคดีทิ้งร้างเกินกว่าหนึ่งปี/สมัครใจแยกกันอยู่

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

คำพิพากษาคดีทิ้งร้างเกินกว่าหนึ่งปี/สมัครใจแยกกันอยู่

ปัจจุบันคู่สมรสที่มีปัญหาครอบครัวต่างคนต่างอยู่ เช่น สามีแยกทางกับภรรยาย้ายไปอยู่นอกบ้านปล่อยให้ภรรยาอยู่บ้านคนเดียว

บทความวันที่ 15 มิ.ย. 2553, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 10182 ครั้ง


คำพิพากษาคดีทิ้งร้างเกินกว่าหนึ่งปี/สมัครใจแยกกันอยู่

            ปัจจุบันคู่สมรสที่มีปัญหาครอบครัวต่างคนต่างอยู่  เช่น สามีแยกทางกับภรรยาย้ายไปอยู่นอกบ้านปล่อยให้ภรรยาอยู่บ้านคนเดียว เนื่องจากสามีไปมีชู้หรือมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ภรรยายังคงอยู่บ้านเหมือนเดิม กรณีดังกล่าวสามีจะนำมาเป็นเหตุหย่าโดยอ้างว่าสมัครใจแยกกันอยู่ไม่ได้ เพราะสามีออกไปจากบ้านเป็นการสมัครใจแยกกันอยู่กับภรรยาเพียงฝ่ายเดียว ภรรยาหาได้สมัครใจแยกกันอยู่กับสามีแต่อย่างใดไม่ และกฎหมายถือว่าภรรยาไม่ได้ทิ้งร้างสามีเกินกว่าหนึ่งปี เพราะยังคงพักอาศัยที่บ้านเหมือนเดิม สามีต่างหากที่ทิ้งภรรยาไม่ยอมกลับบ้าน ดังนั้นจะนำเหตุดังกล่าวมาฟ้องหย่าไม่ได้ มีคำพิพากษาฎีกาล่าสุดข้างล่างนี้ ภรรยาหลวงลองนำไปพิจารณาใช้เป็นเงื่อนไขเป็นการต่อสู้กับสามีของท่านต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2345/2552
           ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุเหตุหย่าเพียงการละทิ้งร้างกันเกินกว่าหนึ่งปีตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516(4) ไม่ได้ระบุถึงการสมัครใจแยกกันอยู่เพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปีตามมาตรา 1516 (4/2) และแม้ว่าคำฟ้องโจทก์แนบบันทึกตกลงแยกทางกันด้วยว่า “ศ. (จำเลย) มีความประสงค์ขอแยกทางกันอยู่กับ ว.(โจทก์) และ ว.ก็ยินยอม” ไว้ท้ายคำฟ้องก็ตาม แต่เหตุหย่าตาม 1516 (4/2) นั้น ไม่ได้มีเพียงระยะเวลาที่แยกกันอยู่เกินสามปีเท่านั้น ยังต้องมีองค์ประกอบอื่นอีกคือ ต้องเป็นเพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาด้วย ซึ่งโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงองค์ประกอบดังกล่าวไว้ ฟ้องของโจทก์ในประเด็นนี้จึงไม่ชอบ ไม่ถือว่าคำฟ้องโจทก์มีเหตุหย่าตามบทบัญญัติในมาตรา 1516(4/2) กรณีสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามีปีด้วย
            ตามบันทึกตกลงแยกทางกันนั้นได้บันทึกถึงเหตุที่โจทก์และจำเลยต้องบันทึกดังกล่าว และภายหลังทำบันทึกตกลง จำเลยไม่เคยพูดเรื่องขอจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ แต่จำเลยเคยพูดกับโจทก์ให้กลับมาอยู่กับจำเลยและบุตรอีก การบันทึกข้อความเรื่อยแยกกันอยู่ดังกล่าวจึงเป็นความประสงค์อันเป็นเจตนาของโจทก์แต่ฝ่ายเดียว การที่จำเลยยอมลงลายมือชื่อในบันทึกตกลงเชื่อว่าเพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูจากโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็ยอมรับความจริงในข้อนี้ ก็ยิ่งย้ำให้เห็นชัดแจ้งว่ามีสาระเพื่อได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสอง กรณีจึงไม่ใช่กล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆ การพิจารณาข้อความในบันทึกตกลงในเรื่องแยกกันอยู่ จึงพิจารณาเฉพาะข้อความในเอกสารโดยไม่พิจารณาถึงเจตนาของจำเลยย่อมไม่ชอบ ทั้งโจทก์ก็รับว่าโจทก์เป็นผู้ออกจากบ้านพักของจำเลยไปเอง กรณีจึงถือว่าโจทก์สมัครใจแยกกันอยู่กับจำเลยฝ่ายเดียว จำเลยหาได้สมัครใจแยกกันอยู่กับโจทก์แต่อย่างใดไม่ ดังนั้น จำเลยจึงไม่ได้ละทิ้งร้างโจทก์เกินกว่าหนึ่งปี อันเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้ตามมาตรา 1516(4) ซึ่งการไม่ให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลยนี้ก็ไม่ได้ขัดแย้งกับข้อยุติเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดู กรณีจึงไม่มีเหตุหย่าตามมาตรา 1516(4)
           สิทธิในการได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นสิทธิเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลที่จะได้รับ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 5

อยากเรียนสอบถาม กรณี ต้องการหย่า แต่สามีตกลงกันไม่ได้  คือดิฉันอยู่กินกันมาได้7ปี มีลูก2คน 4 ขวบ กับ 10เดือน เขาไปติดผญ.และหนี้พวกเราไป อยู่กินกับผญ คนนั้น พยายามติดต่อทั้ง2ฝ่าย เงียบกันหมด ปล่อยคาทะเบียนสมรสไว้ และไม่มีการส่งเสียให้ลูกสักบาท ครั้งแรกดิฉันจะฟ้องหย่า และจะฟ้องชู้  แต่พวกเขาไม่มีปัญหา จ่ายค่าทดแทนแน่นอน หลักทรัพย์ก็ไม่มี จึงคิดว่าฟ้องไปก็คงไม่มีประโยชน์ ต้องมาคอยบังคับคดี แถมพวกนั้นไม่มีเงินเดือนถึง2หมืน ก็บังคับอะไรไม่ได้   สามีมีแค่รถกระบะเป็นสินสมรส แต่เขาได้โอนไปเป็นชือแม่ตัวเองแล้ว ครั้งแรกนัดหย่า ดิฉันเคยขอเงินก้อนหนึ่งให้ลูก โดยแนะนำให้เขาขายรถมาแบ่ง สุดท้ายเขาก็หนี้ และเงียบ ไม่ส่งสักบาท ไปอาศัยอยู่บ้านผญ.ที่จังหวัดสุรินทร์  เขาไม่เป็นลุกชาย ทิ้งลูกยังเล็กได้ทั้ง2คน วันนี้ดิฉัน แค่ต้องการหย่า ให้จบๆกันไปในชาตินี้ อย่าเจอกันอีก  แค่อยากสอบถามว่า ดิฉันจะทำยังไง กับคนเลวๆคนนี้ได้บ้างค่ะ เรียกร้องอะไรได้บ้างไหม? แล้วมีกรณีสามีทิ้งร้านเกิน1ปี เราสามารถไปยืนหย่าเองได้ไหม? โดยมีขั้นตอน เสียค่าใช้จ่ายน้อย ไม่แยอะ เพราะดิฉันก็ต้องเก็บเงินไว้เลี้ยงลูก2คน มีวิธีไหนพอจะช่วยและแนะนำบ้างไหมค่ะ 

โดยคุณ WILAIPORN AEY 28 ส.ค. 2561, 09:50

ความคิดเห็นที่ 4

สามีเป็นคนต่างชาติค่ะจดทะเบียนเมื่อ18 ธ.ค 57 หลังจากนั้น ม.ค 58 เค้ากลับประเทศไม่เคยติดต่อกลับมาเลยค่ะ ตอนนี้2 ปีแล้ว ก็ไม่ติดต่อกลับมาเลยค่ะ รบกวนคำแนะนำจากผู้รู้ด้วยค่ะ ดิฉันต้องทำอย่างไรค่ะ ขอบคุณค่ะ

โดยคุณ รัตนา 20 ก.ย. 2560, 10:54

ความคิดเห็นที่ 3

นาย ก มีภรรยาคนที่หนึ่งมีทะเบียนสมรส แล้วมาอยู่กินกับนางสาว ข มีบุตรด้วยกัน 3 คน เป็นเวลาสิบปีเศษ ต่อมาเลิกรากับภรรยาคนที่ 2 มาอยู่กินกับภรรยาคนที่ 3 ฝากเงินในบัญชีธนาคารใช้ชื่อทั้งสองคน คือ นาย ก หรือ นางสาว.....(ภรรยาคนที่ 3) ซึ่งภรรยาคนที่ 3 อยู่กินด้วยกันเกินยี่สิบปี ต่อมา นาย ก เสียชีวิต ทายาทมาอายัดบัญชี ธนาคารไม่ให้เบิก ขอถามว่า

๑.ธนาคารมีสิทธิระงับการเบิกของนางสาว.....ภรรยาคนที่ 3 หรือไม่ เพราะคำว่าหรือหมายถึงใครคนใดคนหนึ่ง

๒.จะมีแนวทางอย่างไรจึงจะสามารถเบิกเงินจำนวนครึ่งหนึ่งในส่วนของ ภรรยาคนที่ ๓ คือ ๑ ล้านบาทออกมาโดยเร็วเพราะต้องนำไปใช้หนี้ค่าจัดงานศพ ค่าทนาย ซึ่งต้องกู้เงินนอกระบบมาทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่งค่ะ ขอความกรุณาตอบกลับที่ e-mail  [email protected] 

โดยคุณ lek 9 มี.ค. 2556, 23:01

ความคิดเห็นที่ 2

นาย ก มีภรรยาคนที่หนึ่งมีทะเบียนสมรส แล้วมาอยู่กินกับนางสาว ข มีบุตรด้วยกัน 3 คน เป็นเวลาสิบปีเศษ ต่อมาเลิกรากับภรรยาคนที่ 2 มาอยู่กินกับภรรยาคนที่ 3 ฝากเงินในบัญชีธนาคารใช้ชื่อทั้งสองคน คือ นาย ก หรือ นางสาว.....(ภรรยาคนที่ 3) ซึ่งภรรยาคนที่ 3 อยู่กินด้วยกันเกินยี่สิบปี ต่อมา นาย ก เสียชีวิต ทายาทมาอายัดบัญชี ธนาคารไม่ให้เบิก ขอถามว่า

๑.ธนาคารมีสิทธิระงับการเบิกของนางสาว.....ภรรยาคนที่ 3 หรือไม่ เพราะคำว่าหรือหมายถึงใครคนใดคนหนึ่ง

๒.จะมีแนวทางอย่างไรจึงจะสามารถเบิกเงินจำนวนครึ่งหนึ่งในส่วนของ ภรรยาคนที่ ๓ คือ ๑ ล้านบาทออกมาโดยเร็วเพราะต้องนำไปใช้หนี้ค่าจัดงานศพ ค่าทนาย ซึ่งต้องกู้เงินนอกระบบมาทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่งค่ะ ขอความกรุณาตอบกลับที่ e-mail  [email protected] 

โดยคุณ lek 9 มี.ค. 2556, 22:59

ความคิดเห็นที่ 1

อยากทราบว่าสามีเลิกกันไปกว่า10ปีทะเบียนสมรสจะเป็นโฆฆะหรือเปล่าคะ คือไม่สามารถติดต่อกันได้ค่ะแต่เลิกกันแล้ว

โดยคุณ พรทิพย์ หวานอารมภ์ 30 มิ.ย. 2553, 16:58

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก