งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ
ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ
สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ
รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ
นายจ้างบีบให้ออกจากงาน
เมื่อวานนี้ มีสมาชิกท่านหนึ่งชื่อ คุณสุขชณัฐ
มาร้องทุกข์
เกี่ยวกับการทำงาน
โดยตนเองนี้ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่งพนักงานขายเป็นพวกเคมีภัณฑ์ต่าง
ๆ อัตราค่าจ้างเดือนละ 17,500 บาท
และได้รับเงินค่าน้ำมันแยกต่างหากเป็นแบบเหมาเดือนละ 6,000 บาท โดยเริ่มทำงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547
ต่อมาเมื่อประมาณ
เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 นายจ้างได้เรียกให้คุณสุขชณัชเข้าไปคุยและได้ให้คุณสุขชณัชทำบันทึกข้อตกลงกับนายจ้างใหม่ โดยมีการตั้งเป้ายอดขายให้สูงขึ้นจากเดิม หากทำยอดขายไม่ได้ตามเป้า
ลูกจ้างยินยอมให้บริษัทลดเงินเดือนจากเดิม 17,500 บาท เป็น 14,500 บาท แต่คุณสุขชณัฐไม่ตกลงด้วย
ต่อมาเดือน
กันยายน พ.ศ.2550 บริษัทได้เรียกได้เรียกคุณสุขชณัฐเข้าไปคุยด้วยอีกครั้งและได้นำแบบลงโทษทางวินัย (
ใบเตือน ) โดยในใบเตือนนี้ระบุว่าคุณสุขชณัฐได้มีการฝ่าฝืนต่อระเบียบบริษัทดังนี้ 1
.จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
2. จงใจฝ่าฝืนกฎ และระเบียบข้อบังคับของบริษัท ซึ่งเหตุผลที่นายจ้างอ้างมานั้นเป็นการยกเอาตัวบทกฎหมายมาอ้างโดยไม่ระข้อเท็จจริงว่าลูกทำอย่างไรทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย หรือฝ่าฝืนกฎ ระเบียบข้อไหนของบริษัท หากคุณสุขชณัฐไม่เซ็นต์ในใบเตือนก็ออกไปซะ
ด้วยว่าไม่อยากมีปัญหากับนายจ้างและเกรงว่าจะถูกไล่ออกจึงต้องยอมเซ็นต์ในใบเตือน
จากนั้นประมาณเดือน มกราคม 2551 นายจ้างได้เรียกคุณสุขชณัฐเข้าไปคุยอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ทำบันทึกข้อตกลงกับนายจ้างใหม่
โดยมีการตั้งเป้ายอดขายใหม่หากทำยอดขายไม่ได้ตามเป้าเงินค่าจ้างจะลดเหลือ 13000 บาท
และเปลี่ยนการจ้างเป็นแบบลูกจ้างทดลองงาน และยังเอาใบเตือนมาขู่ตลอดเวลาว่าหากไม่ยอมเซ็นต์ก็จะเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย แต่คุณสุขชณัฐก็ไม่ยอมตกลงด้วย
จากลักษณะการกระทำของนายจ้างดูแล้วมีลักษณะเป็นการบีบบังคับลูกจ้างให้ลาออกจากงานโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้ลูกจ้างได้รับเงินค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งกรณีที่ลูกจ้างลาออกจากงานเอง ลูกจ้างจะไม่ได้รับเงินค่าชดเชยตาม
พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน มาตรา 118
และในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างส่วนใหญ่ก็มักจะอ้างว่าการเลิกจ้างนั้นเป็นธรรม ตามมาตรา 119
ทำให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
ตามมาตรา 118
หากเพื่อนสมาชิกท่านใดเจอเหตุการณ์แบบคุณสุขชณัฐแล้วอย่าพึ่งตกใจแล้วไม่ไปทำงาน ให้ไปทำงานตามปกติ ซึ่งถ้าตกใจไม่ไปทำงานเกิน 3
ติดต่อกันแล้ว
ถือว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่
3 วันติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ตามมาตรา 119 (5)
นายจ้างเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และ นายจ้างยังมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ตามปกติและไม่มีสิทธิลดเงินเดือนของลูกจ้างโดยที่ลูกจ้างไม่ตกลงยินยอมด้วย
และในใบเตือนว่าลูกจ้างกระทำผิดระเบียบบริษัทนายจ้างครั้งแรก ยังไม่มีผลเป็นเหตุให้นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้