งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ
ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ
สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ
รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ
หลอกลวงผู้เสียหายคนเดียว ร่วมลงทุนผิดกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2568
จำเลยหลอกลวงโจทก์ด้วยการชักชวนให้โจทก์ร่วมลงทุนทำธุรกิจและจำเลย แม้จำเลยได้เงินไปจากโจทก์เป็นระยะหลายครั้งหลายหนก็เพราะหลอกลวงโจทก์ให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับจำเลยเช่นเดียวกัน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อเนื่องโดยมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกัน คือหลอกลวงให้โจทก์ร่วมลงทุนเพื่อให้จำเลยได้เงินไปจากโจทก์ ไม่ว่าจำเลยจะได้รับเงินไปหลายครั้งหลายหนและเป็นจำนวนเกินกว่าที่หลอกลวงครั้งแรก การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว มิใช่หลายกรรมต่างกัน
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 11 มีนาคม 2565 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยโดยทุจริตหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงอันควรบอกให้แจ้งว่าจำเลยประกอบอาชีพเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำพริกเครื่องแกงกับขนมเบเกอรี่มีกำไรสุทธิต่อดเดือนประมาณ 50,000 บาท จำเลยต้องการที่จะซื้อเครื่องจักรในการทำน้ำพริกเพิ่ม 2 เครื่อง และเตาอบขนมเพิ่ม 2 เครื่อง รวมทั้งต้องการขยายโรงงานผลิตที่คับแคบพร้อมอุปกรณ์ส่วนควบและเดินระบบไฟฟ้าภายในโรงงาน ต้องการแจ้งจดทะเบียนการค้าและเครื่องหมายการค้าต่อเจ้าพนักงานด้วย ซึ่งจำเลยอ้างว่าต้องใช้งบประมาณ 1,000,000 บาท แต่ยังขาดเงินทุนจำนวนดังกล่าว จำเลยจึงชักชวนโจทก์ให้ร่วมลงทุนในการทำธุรกิจดังกล่าว โดยจำเลยจะนำเงินของโจทก์ไปซื้อเครื่องจักร เตาอบขนม ปรับปรุงขยายโรงงานผลิตเพิ่มเติมพร้อมอุปกรณ์และเดินระบบไฟฟ้าภายในโรงงานจำเลยจะถือว่าโจทก์เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจดังกล่าว และจะแบ่งปันผลกำไรในกิจการนี้ให้แก่โจทก์ 30 เปอร์เซ็นต์ ของทุกๆ เดือน การหลอกลวงของจำเลยทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากโจทก์ โดยโจทก์ได้ส่งมอบเงินให้แก่จำเลยหลายครั้งหลายหน ดังนี้ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 เป็นเงิน 156,000 บาท วันที่ 29 ธันวาคม 2564 เป็นเงิน 10,000 บาท ....เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 เป็นเงิน 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,481,400 บาท ทั้งนี้ โจทก์เชื่อถ้อยคำเท็จดังกล่าวที่จำเลยหลอกลวงว่า จำเลยประกอบอาชีพเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำพริกเครื่องแกงกับขนมเบเกอรี่มีกำไรสุทธิต่อเดือนประมาณ 50,000 บาท และจำเลยจะนำเงินของโจทก์ไปซื้อเครื่องจักร ตามอบขนมพร้อมอุปกรณ์ส่วนควบและเดินระบบไฟฟ้าภายในโรงงานรวมทั้งปรับปรุงขยายโรงงานผลิตเพิ่มเติมจริง หลังจากที่จำเลยรับเงินไปจากโจทก์แล้ว จำเลยไม่ได้นำเงินดังกล่าวไปซื้อเครื่องจักร เตาอบขนมพร้อมอุปกรณ์และเดินระบบไฟฟ้าภายในโรงงานรวมทั้งปรับปรุงขยายโรงงานผลิตเพิ่มเติมแต่อย่างใด ขณะที่จำเลยรับเงินจากโจทก์ไปจำเลยไม่มีเจตนาจะนำเงินไปซื้อเครื่องจักรและดำเนินการดังกล่าวเพิ่มเติมจริง แต่จำเลยมีเจตนาวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อหลอกลวงเอาเงินของโจทก์อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ทำให้จำเลยได้ทรัพย์สินไปจากโจทก์เป็นเงิน 1,481,400 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การรับสารภาพ แต่ในระหว่างศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่รับสารภาพ และขอให้การใหม่เป็นปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 30 กระทง จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 1 เดือน รวม 30 กระทง เป็นจำคุก 30 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษจำคุก 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประการเดียวว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 11 มีนาคม 2565 เวลา กลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยโดยทุจริตหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งว่าจำเลยประกอบอาชีพเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำพริกเครื่องแกงกับขนมเบเกอรี่มีกำไรสุทธิต่อเดือนประมาณ 50,000 บาท จำเลยต้องการที่จะซื้อเครื่องจักรในการทำน้ำพริกเพิ่ม 2 เครื่องและเตาอบขนมเพิ่ม 2 เครื่อง รวมทั้งต้องการขยายโรงงานผลิตที่คับแคบพร้อมอุปกรณ์ส่วนควบและเดินระบบไฟฟ้าภายในโรงงาน ต้องการแจ้งจดทะเบียนการค้าและเครื่องหมายการค้าต่อเจ้าพนักงานด้วย ต้องใช้งบประมาณ 1,000,000 บาท แต่ยังขาดเงินทุนจำนวนดังกล่าว จำเลยจึงชักชวนโจทก์ให้ร่วมลงทุนในการทำธุรกิจดังกล่าวอันเป็นเท็จ ความจริงจำเลยไม่มีเจตนาจะนำเงินไปซื้อเครื่องจักรและดำเนินการดังกล่าว โจทก์หลงเชื่อและส่งมอบเงินให้แก่จำเลยหลายครั้งหลายหน รวมเป็นเงิน 1,481,400 บาท หลังจากจำเลยได้รับเงินจากโจทก์แล้ว จำเลยไม่ได้นำเงินไปซื้อเครื่องจักร เตาอบขนมพร้อมอุปกรณ์ และเดินระบบไฟฟ้าภายในโรงงาน รวมทั้งปรับปรุงขยายโรงงานผลิตเพิ่มเติมแต่อย่างใด เห็นว่า จำเลยหลอกลวงโจทก์ด้วยการชักชวนให้โจทก์ร่วมลงทุนธุรกิจกับจำเลย แม้จำเลยได้เงินไปจากโจทก์เป็นระยะหลายครั้งหลายหน เป็นเงินรวมกันเกินกว่า 1,000,000 บาท ซึ่งเกินกว่าที่จำเลยหลอกลวงครั้งแรกก็ตาม แต่จำนวนเงินตามที่จำเลยหลอกลวงเป็นเพียงการประมาณการ อีกทั้งจำนวนเงินทั้งหมดที่โจทก์มอบให้แก่จำเลยนั้น เป็นเงินที่จำเลยได้ไปเพราะหลอกลวงโจทก์ให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับจำเลย เช่นเดียวกันทั้งสิ้น การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อเนื่องโดยจำเลยมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกัน คือ หลอกลวงให้โจทก์ร่วมลงทุนเพื่อให้จำเลยได้เงินไปจากโจทก์ไม่ว่าจำเลยจะได้รับเงินไปหลายครั้งหลายหน และเป็นจำนวนเกินกว่าที่หลอกลวงครั้งแรกก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นกรรมเดียว มิใช่หลายกรรมเดียว มิใช่หลายกรรมต่างกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน
ปรึกษาข้อกฎหมายสอบถาม 02-948-5700 หรือ 081-616-1425 หรือ 081-625-2161, 081-821-7470