ขอเลื่อนศาลอ้างกักตัวโควิด-19 จับได้โกหกสั่งคุก 3 เดือน
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563 ศาลอาญา ศาลไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล กรณีมีการกล่าวหาพนักงานสาวบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง จำเลยในคดีปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563 พนักงานสาวคนดังกล่าวมาศาลอาญาและติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีที่ศาลนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี สอบคำให้การจำเลย ตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยาน ในวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2563 โดยระบุในคำร้องว่า "ตนเองเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง และเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2563 ได้ร่วมประชุมกับพนักงานชาวสิงคโปร์ซึ่งติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 จึงต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน"
ศาลอาญาได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปทางบริษัทที่พนักงานสาวคนดังกล่าวทำงานอยู่ โดยบริษัทมีหนังสือชี้แจงว่า "พนักงานสาวคนดังกล่าวไม่ได้เข้าร่วมการประชุมกับพนักงานชาวสิงคโปร์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่มีการเดินทางมายังสำนักงานใหญ่ของบริษัทและพนักงานสาวคนดังกล่าวไม่ได้เดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของบริษัทในช่วงเวลาที่ผู้ติดเชื้ออยู่ในประเทศไทย" ต่อมาเมื่อถึงวันนัดดังกล่าวในวันที่ 16 มีนาคม 2563 พนักงานสาวคนดังกล่าวทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องและไม่สามารถติดต่อได้ พฤติการณ์มีเหตุควรสงสัยว่า หลบหนี ศาลจึงให้ออกหมายจับ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่พนักงานสาวเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จเพื่อหวังผลในการดำเนินคดีของตน โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมนั้น นอกจากจะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาล่าช้าแล้ว ยังก่อให้เกิดความหวาดกลัวและตื่นตระหนกต่อประชาชนผู้มาติดต่อราชการศาล จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นการกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล พิพากษาลงโทษจำคุก 3 เดือน ไม่รอลงอาญา
ที่มา : www.dailynews.co.th
ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 31 ผู้ใดกระทำการอย่างใด ๆ ดังกล่าวต่อไปนี้ ให้ถือว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
(1) ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลตามมาตราก่อนอันว่าด้วยการรักษาความเรียบร้อย หรือประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
(2) เมื่อได้มีคำร้องและได้รับอนุญาตจากศาลให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลตามมาตรา 156/1 แล้ว ปรากฏว่าได้แสดงข้อเท็จจริงหรือเสนอพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาลในการไต่สวนคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล
(3) เมื่อรู้ว่าจะมีการส่งคำคู่ความหรือส่งเอกสารอื่น ๆ ถึงตน แล้วจงใจไปเสียให้พ้น หรือหาทางหลีกเลี่ยงที่จะไม่รับคำคู่ความหรือเอกสารนั้นโดยสถานอื่น
(4) ตรวจเอกสารทั้งหมด หรือฉบับใดฉบับหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสำนวนความ หรือคัดเอาสำเนาเอกสารเหล่านั้นไป โดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ มาตรา 54
(5) ขัดขืนไม่มาศาล เมื่อศาลได้มีคำสั่งตามมาตรา 19 หรือเมื่อมีหมายเรียกลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นตามมาตรา 277
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 15 วิธีพิจารณาข้อใดซึ่งประมวลกฎหมายนี้มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับเท่าที่พอจะใช้บังคับได้