จดทะเบียนสมรสกับสามี แต่ทรัพย์สินใส่ชื่อสามีคนเดียว ทะเลาะกันไล่ออกจากบ้านต้องทำอย่างไร
แฟนเพจทนายคลายทุกข์สอบถามมาว่า อยู่กับสามีมานานเกือบ 6 ปีจดทะเบียน 3ปีกว่า ตอนนี้ทะเลาะกัน เขาหาเรื่องตลอด แต่หนูเสียเปรียบตรงที่หาเงินมาได้เท่าไหร่ ก็ช่วยปิดบ้านหนี้สินจากเมียเก่าเขาที่เขามีก่อนมาเจอเรา และทุกวันนี้ช่วยซื้อของเข้าบ้าน ก็เป็นเงินเราที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรงเรา และอีกอย่างชื่อบ้านที่อยู่ตอนนี้ ก็ชื่อบ้านเขา ไม่มีอะไรเป็นของหนูเลย มีแต่เงินที่มาช่วยเขาจ่าย เท่านั้น เวลาทะเลาะกันเขาก็ไล่เราออกบ้าน เวลาที่เราหาเงินไม่ทัน และบางครั้งก็ทำร้ายเรา ทั้งกายวาจาใจ โดยไม่นึกว่าเราเป็นเมียร่วมทุกข์มากับเขา ตอนนี้หนูไม่ได้ทำงานมา เกือบ 3เดือนแล้ว แต่หนูก็ยังช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านอยู่ เงินส่วนตัวที่มีในบัญชีเงินเก็บของตัวเองมาช่วยอยู่ หนูมาขาดเงินตอนหนูไม่ได้ทำงานเท่านั้นเขาไล่ให้ออกจากบ้าน
สอบถามว่า ถ้าหนูขอหย่าหนูควรทำอย่างไรบ้าง เงินที่หนูจ่ายออกไป เขาก็บอกว่าเงินเขาทั้งหมด และก็ด่าว่าหนูไม่เคยช่วยอะไรเลย หนูควรทำอย่างไร เรียกร้องอะไรได้บ้างค่ะ
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
หากต้องการจะฟ้องหย่าท่านสามารถฟ้องหย่าได้ ส่วนทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันระหว่างสมรส ถือว่าเป็นสินสมรส แม้จะมีชื่อเป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ตามก็ต้องแบ่งกันละกึ่งหนึ่ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1474
ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1474 สินสมรสได้แก่ทรัพย์สิน
(1) ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส
(2) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือโดยการให้เป็นหนังสือเมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส
(3) ที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว
ถ้ากรณีเป็นที่สงสัยว่าทรัพย์สินอย่างหนึ่งเป็นสินสมรสหรือมิใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส
มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ
อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้