ผมซื้อรถมือ2 แฟนเป็นคนค้ำ ต่อมา 1 ปีก็ได้เลิกกับแฟน แฟนจดทะเบียนสมรส
บทความวันที่ 28 ส.ค. 2555, 00:00
มีผู้อ่านทั้งหมด 2591 ครั้ง
เป็นผู้เช่าซื้อและแฟนเอารถไปผ่อนต่อ
ผมซื้อรถมือ2 แฟนเป็นคนค้ำ ต่อมา 1 ปีก็ได้เลิกกับแฟน แฟนจดทะเบียนสมรส แฟนได้นำรถไปผ่อนต่อ ผมจะโอนชื่อผมไปเป็นชื่อแฟน โดยจะออกเงินค่าโอนให้ด้วยเธอก็ไม่มาโอน ต่อมาเธอได้ผิดนัด 3-4 เดือน ทางไฟแนนซ์ก็โทรมาติดตามผม ผมเลยบอกว่าผมจะพาไปเอารถเลยดีกว่า พอผมพาไปดูรถครั้งแรกไม่เจอครั้งที่สองผมไม่ได้ไปด้วย ไปแต่ไฟแนนซ์ แล้วก็เจอรถของกลาง ทั้งๆ ที่ไฟแนนซ์ได้นำหนังสือยกเลิกสัญญามาให้ผมเช็น แต่ก็ไม่ยอมยึดรถ และให้โอกาศแฟนผมจ่ายมาก่อน 3 งวด ต่อมาแฟนผมก็ไม่จ่ายอีกเลย ถามหารถก็บอกว่าผัวคนใหม่ได้นำรถไปไหนไม่รู้ แล้วบอกผมว่าเขาจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง โอ! เงินตั้ง 500,000-600,000 จะเอาที่ไหนมาจ่ายงานเขาก็ไม่มีทำ จ่ายต่อเดือน 12,136 บาท ไฟแนนซ์ก็บอกผมอยู่ว่า ถ้าได้ขึ้นศาล เจ้าของชื่อรถต้องรับผิดชอบ
ผมจะต้องทำยังไงหรอครับ โอนชื่อผมออกไปเป็นชื่อแฟนได้ไหมครับ หรือใช้อำนาจศาลหรือไฟแนนซ์โอนไปได้ไหมครับ ไฟแนนซ์บอกว่ารถไม่ได้อยู่กับเจ้าของชื่อ มันผิดกฎทางไฟแนนซ์ คนไหนเอาไปจะต้องโอนไปเป็นชื่อคนใช้รถ
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
การทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์และมีการค้ำประกันการเช่าซื้อรายนี้ด้วยแม้ว่ารถยนต์คันพิพาทจะอยู่ในความครอบครองของผู้ค้ำประกันในการใช้สอยโดยผู้เช่าซื้อไม่ได้ครอบครองใช้สอยก็ตาม กรณีก็ไม่เป็นเหตุให้ทั้งผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันต้องหลุดพ้นจากหน้าที่ความรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อเมื่อเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อนั้นแต่อย่างใด ท่านจึงไม่อาจผลักภาระความรับผิดนั้นให้แก่ผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถแต่ฝ่ายเดียว และเมื่อท่านไม่ได้จดทะเบียนหย่ากับภริยาลำพังเพียงแยกทางหรือร้างกันในลักษณะดังกล่าว ยังไม่เป็นผลให้การสมรสสิ้นสุดลง รถคันพิพาทที่ยังอยู่ในระหว่างเช่าซื้อ สิทธิตามสัญญาเช่าซื้อจึงเป็นสินสมรสระหว่างท่านกับภริยาตาม ป.พ.พ.มาตรา 1474(1) ท่านจึงไม่อาจโอนสิทธิการเช่าซื้อให้แก่ภริยาหากผู้ให้เช่าซื้อไม่ตกลงยินยอมด้วย ท่านควรจดทะเบียนหย่ากับภริยาแล้วดำเนินการจัดการแบ่งทรัพย์สินของท่านและภริยาอันเป็นสินสมรส รวมทั้งสิทธิการเช่าซื้อโดยได้รับความยินยอมจากไฟแนนซ์ มิฉะนั้น ท่านและภริยาจำต้องรับผิดชำระค่าเช่าซื้อจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระเสร็จสิ้นเชิง
