ใครที่มีอำนาจขอตรวจปัสสาวะได้บ้าง
บทความวันที่ 29 เม.ย. 2553, 00:00
มีผู้อ่านทั้งหมด 25424 ครั้ง
การตรวจปัสสาวะ
1. ใครที่มีอำนาจขอตรวจปัสสาวะได้บ้าง?
2. ถ้าเราจะปฎิเสธการตรวจปัสสาวะได้หรือไม่?
3. เมื่อผลตรวจเป็นบอกแต่เราไม่ได้เสพ เราจะมีสิทธิใดบ้างในการไม่ให้ถูกควบคุมตัว?
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
1. ผู้มีอำนาจขอตรวจปัสสาวะ คือ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบมีอำนาจให้แพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญดำเนินการตรวจเก็บตัวอย่างปัสสาวะเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา เพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำความผิด และพิสูจน์ให้เห็นความผิดนั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 131 , มาตรา 131/1 ได้ให้อำนาจแก่พนักงานสอบสวนไว้
2. หากเป็นกรณีที่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ขอตรวจเก็บตัวอย่างปัสสาวะจากท่าน แต่ท่านซึ่งเป็นผู้ต้องหาไม่ยินยอม ท่านก็สามารถที่จะปฏิเสธการตรวจนั้นได้ตามสิทธิของตน แต่หากเป็นกรณีที่ท่านปฏิเสธไม่ยินยอมให้พนักงานสอบสวนตรวจ โดยไม่มีเหตุอันสมควรตามกฎหมายให้สันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่า ข้อเท็จจริงเป็นไปตามผลการตรวจพิสูจน์ที่หากได้ตรวจพิสูจน์แล้ว จะเป็นผลเสียต่อท่านนั้นแล้ว ตามที่กำหนดไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 131/1 วรรค 2 ตอนท้าย
3. หากผลตรวจเป็นในที่ดีหรือเป็นบวก โดยที่ท่านไม่ได้เสพยาเสพติดแต่อย่างใด กรณีท่านก็ย่อมพ้นข้อกล่าวหาหรือเหตุสงสัยว่าได้กระทำความผิด พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบก็ต้องงดการสอบสวนท่านแล้วปล่อยตัวท่านไป
อนึ่ง ในทางกลับกันถ้าหากผลตรวจออกมาเป็นไปในทางลบ แต่ท่านก็ยังยืนยันว่า ท่านไม่ได้เสพ ท่านก็ต้องยื่นเรื่องขอประกันตัวแก่ทางพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ และเมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องท่านต่อศาลท่านก็ต่อสู้คดีไป โดยการแต่งทนายความแก้ต่างและดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นศาลต่อไป
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 131 ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานทุกชนิด เท่าที่สามารถจะทำได้ เพื่อประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา เพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา
มาตรา 131/1 ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามมาตรา 131 ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจให้ทำการตรวจพิสูจน์บุคคล วัตถุ หรือเอกสารใด ๆ โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้
ในกรณีความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี หากการตรวจพิสูจน์ตามวรรคหนึ่ง จำเป็นต้องตรวจเก็บตัวอย่างเลือด เนื้อเยื่อ ผิวหนัง เส้นผมหรือขน น้ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระ สารคัดหลั่ง สารพันธุกรรมหรือส่วนประกอบของร่างกายจากผู้ต้องหา ผู้เสียหายหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบมีอำนาจให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญดำเนินการตรวจดังกล่าวได้ แต่ต้องกระทำเพียงเท่าที่จำเป็นและสมควรโดยใช้วิธีการที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดน้อยที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ ทั้งจะต้องไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายหรืออนามัยของบุคคลนั้น และผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องให้ความยินยอม หากผู้ต้องหาหรือผู้เสียหายไม่ยินยอมโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือผู้ต้องหาหรือผู้เสียหายกระทำการป้องปัดขัดขวางมิให้บุคคลที่เกี่ยวข้องให้ความยินยอมโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้สันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามผลการตรวจพิสูจน์ที่หากได้ตรวจพิสูจน์แล้วจะเป็นผลเสียต่อผู้ต้องหาหรือผู้เสียหายนั้นแล้วแต่กรณี
ค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ตามมาตรานี้ ให้สั่งจ่ายจากงบประมาณตามระเบียบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม หรือสำนักงานอัยการสูงสุด แล้วแต่กรณีกำหนดโดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
