หนี้บัตรกดเงินสด
ดิฉันเป็นหนี้สินเชื่อเงินสด ยอดเงินต้น 25,000 บาท เมื่อประมาณปี 2548 ค่ะ และก็ส่งเงินชำระมาตลอดแต่ ก็มีกดใช้บ้าง เพราะเป็นบัตรกดเงินสด จนปี 2552 บริษัทที่ทำงานอยู่ได้เลิกจ้าง ทำให้ดิฉันอยู่ในภาวะตกงาน แต่ก็ยังอุตส่าห์ผ่อนส่งจนถึงเดือนมิถุนายน (ถ้าจำไม่ผิด) ดิฉันก็ไม่ได้ส่งเงินเข้าไปอีกเลย เพราะเนื่องจากมีปัญหาเรื่องการหางานทำ ทำให้มีรายได้ไม่แน่นอน จากนั้นก็มีการทวงถามจาก บริษัทเจ้าหนี้มาตลอด ดิฉันก็รับและได้คุยกับ ทางบริษัททวงหนี้ว่า ยังไม่สามรถชำระเข้าไปได้ เพราะยังไม่มีงานทำ แต่ก็จะพยายาม หามาชำระให้ ช่วงหลัง ๆ เขาโทรมาบ่อยมา ดิฉันก็เลยไม่รับเพราะโทรมาถี่เหลือเกิน และเมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมาได้มีการติดตามทวงหนี้จากบริษัทกฎหมายแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับให้ทำเรื่องในการชำระหนี้ เขาได้บอกกับดิฉันว่าเขาได้ส่งเรื่องไปยังสถานีตำรวจที่บ้านของดิฉัน ให้ดิฉันชำระเงินที่ยอด 30,000 บาท ถ้าไม่เช่นนั้น เขาจะส่งเรื่องฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีต่อไป อยากรบกวนสอบถามว่า ดิฉันควรจะทำอย่าง ไร
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
1. เรื่องของท่านเป็นหนี้อันเกิดจากมูลหนี้บัตรกดเงินสด อันเป็นความรับผิดทางแพ่ง ไม่เกี่ยวกับทางอาญา การที่บริษัททวงหนี้แจ้งได้ว่าส่งเรื่องให้สถานีตำรวจดำเนินการ กรณีย่อมไม่อาจดำเนินการตามคำกล่าวอ้างนั้นได้ เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตำรวจ จึงเป็นการข่มขู่ให้ท่านชำระหนี้มากกว่า แต่การที่บริษัทแจ้งว่าจะฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีต่อไป ย่อมเป็นการข่มขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ บริษัทผู้รับมอบอำนาจดำเนินการทวงหนี้จากเจ้าหนี้ ย่อมมีอำนาจกระทำได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 165
2. จึงขอแนะนำให้ท่านทำเรื่องเจรจาขอประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ โดยเสนอขอผ่อนชำระหนี้ตามกำลังที่ท่านสามารถชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ได้
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 165 การขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่
การใดที่กระทำไปเพราะนับถือยำเกรง ไม่ถือว่าการนั้นได้กระทำเพราะถูกข่มขู่