ธปท.จับแบงก์ ปรับหนี้ ต่อลมหายใจเอสเอ็มอี|ธปท.จับแบงก์ ปรับหนี้ ต่อลมหายใจเอสเอ็มอี

ธปท.จับแบงก์ ปรับหนี้ ต่อลมหายใจเอสเอ็มอี

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ธปท.จับแบงก์ ปรับหนี้ ต่อลมหายใจเอสเอ็มอี

ทนายคลายทุกข์ขอนำเสนอข่าวเกี่ยวกับแบงก์ชาติเล็งขุดหลักการคณะกรรมการปรับโครงสร้างหนี้

บทความวันที่ 31 ก.ค. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 10910 ครั้ง


ธปท.จับแบงก์ ปรับหนี้ ต่อลมหายใจเอสเอ็มอี

          ทนายคลายทุกข์ขอนำเสนอข่าวเกี่ยวกับแบงก์ชาติเล็งขุดหลักการคณะกรรมการปรับโครงสร้างหนี้ ที่เคยประสบความสำเร็จในการแก้หนี้เสียช่วงปี 40 กลับมาใช้ โดยเป็นตัวกลาง จับแบงก์นั่งคุยปรับโครงสร้างหนี้ให้เอสเอ็มอี เพื่อช่วยให้ส่งหนี้-ทำธุรกิจต่อได้...

วันนี้(30 ก.ค.)นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับสมาคมภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีแนวทางร่วมกันที่จะช่วยเหลือหาช่องทางในการปล่อยสินเชื่อใหม่ และการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับเอสเอ็มอี เพื่อช่วยเหลือเพิ่มสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นนั้น ในขณะนี้ ธปท. อยู่ระหว่างการหารือถึงความเป็นไปได้ในการวางแนวทางในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ชัดเจน และรวดเร็วขึ้น ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ว่าควรจะใช้แนวทางใดจะเกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด เพราะการปรับโครงสร้างหนี้ของรายย่อยมีรายละเอียดมากกว่าการปรับโครงหารหนี้ของรายใหญ่ ที่ ธปท.เคยดำเนินการในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ที่ผ่านมา ดังนั้น ธปท.จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังผลกระทบด้านอื่นๆที่จะตามมาด้วย

“ในขณะนี้ ธปท.คาดไว้ว่า รูปแบบในเบื้องต้นของการเร่งรัดการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับเอสเอ็มอี อาจจะใช้วิธีมานั่งคุยระหว่างธนาคารเจ้าหนี้ และลูกหนี้ เพื่อ หาเงื่อนไขที่รับกันได้ โดยเจ้าหน้าที่ของธปท.จะทำหน้าที่เป็นคนกลางประสานให้ คล้ายๆ กับการคณะกรรมการปรับโครงสร้างหนี้ ทำช่วงวิกฤตปี 40” นายสรสิทธิ์ กล่าว

นายสรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า แต่รูปแบบของการเป็นคนกลางในการปรับโครงสร้างหนี้เป็นการเจรจาเพื่อหาจุดที่ ทั้งสองฝ่ายรับได้ มากกว่าการกำหนดเป็นเกณฑ์การปรับโครงสร้างหนี้ตายตัวเหมือนที่ทำกับลูกหนี้รายใหญ่ เพราะหนี้ที่มีปัญหาขณะนี้เป็นหนี้ของธุรกิจรายย่อย รวมถึงประชาชน โดยแนวทางการในการปรับโครงสร้างหนี้ จะเป็นการยืดอายุหนี้ออกไป การปรับลดยอดชำระหนี้ต่องวด หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสมของลูกนี้แต่ละรายและเจ้าหนี้แต่ละธนาคารด้วย

ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. กล่าวต่อว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า ในส่วนของธปท.เองจะให้หน่วยงานใดเข้ามาช่วยเรื่องนี้ หรือตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมา แต่มีความเป็นไปได้ว่าธปท.อาจจะพิจารณาให้ศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาการขอสิน เชื่อของธปท.ที่มีอยู่แล้ว ช่วยทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับธุรกิจขนาดย่อมด้วย โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนหรือเป็นคนกลางในการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ระหว่าง ธนาคารเจ้าหนี้และผู้ประกอบการที่เป็นลูกหนี้ไปเลยก็ได้ ซึ่งต้องรอข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง.

ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

แสดงความเห็น