ฟ้องคดีเช็คทั้งแพ่งและอาญามูลหนี้เดียวกันต้องระวัง
อาจเสียสิทธิทางอาญาได้
การฟ้องร้องคดีเช็คในกรณีผู้ทรงเช็คหรือผู้เสียหายได้รับเช็คมาแล้ว
ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้เสียหายดำเนินคดีได้ 2 ทางดังนี้คือ
-
การดำเนินคดีทางอาญา ตาม พ.ร.บ.เช็ค พ.ศ.
2534 มาตรา 4 ภายในอายุความ 3 เดือน นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
-
การดำเนินคดีทางแพ่งในความผิดฐาน
ตั๋วเงิน ต้องดำเนินคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ลงในเช็ค
ปัจจุบันได้มีคำพิพากษาฎีกาที่
4541/2550 ซึ่งวินิจฉัยว่า ถ้ามีการฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่งและมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความจบสิ้นไปแล้ว
สิทธิในการดำเนินคดีทางอาญาย่อมระงับไปด้วย ตาม ป.วิ อาญา มาตรา 39
ดังนั้นถ้าคู่ความจะทำยอมในคดีแพ่งจะต้องระมัดระวัง
ถึงแม้จะมีข้อยกเว้นว่าไม่ให้คดีอาญาระงับ ศาลฎีกาถือว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นโมฆะ
เพราะมีวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายโดยชัดแจ้ง ตาม ป.พ.พ.มาตรา
150
การดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา
ต้องระมัดระวัง อย่ายอมความทางแพ่งก่อน ก่อนที่คดีอาญาจะพิจารณาเสร็จสิ้น
มิฉะนั้นจะเสียสิทธิทางอาญาได้
รายละเอียดคำพิพากษาโดยย่อ
โจทก์ร่วมได้ฟ้องจำเลยที่
1 ให้ชดใช้เงินตามมูลหนี้ตามเช็คพิพาทสี่ฉบับ ต่อมาโจทก์ร่วมและจำเลยที่ 1
ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลแพ่งธนบุรีพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดไปแล้ว
ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้สิทธิของโจทก์ร่วมที่จะเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามมูลหนี้ในเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับเป็นอันระงับสิ้นไปตาม
ป.พ.พ. มาตรา 852
โจทก์ร่วมคงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่
1 ชำระหนี้แก่ตนตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้น แม้จำเลยที่ 1
จะไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น โจทก์ร่วมก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในมูลหนี้ตามเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับได้อีก
ดังนั้น
หนี้ที่จำเลยทั้งสองได้ออกเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับเพื่อใช้เงินนั้น
จึงเป็นอันสิ้นผลผูกพันไปก่อนที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตาม
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 7
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์และโจทก์ร่วมย่อมระงับไปตาม ป.วิ อ. มาตรา 39
ถึงแม้ในสัญญาประนีประนอมความดังกล่าว ข้อ 3 จะระบุเป็นข้อยกเว้นว่า
การตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความนี้ไม่มีผลในคดีอาญาคดีนี้
แต่ข้อตกลงดังกล่าวนั้นมีวัตถุประสงค์ขัดต่อบทบัญญัติกฎหมายโดยชัดแจ้งจึงตกเป็นโมฆะตาม
ป.พ.พ.มาตรา 150
และข้อตกลงดังกล่าวสามารถแยกออกต่างหากจากข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความในข้ออื่นได้
จึงไม่ทำให้สัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งดังกล่าวตกเป็นโมฆะทั้งหมด
ทั้งนี้ตามนัยมาตรา 173 แห่ง ป.พ.พ.
ข้อมูลหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา
พ.ศ. 2550 เล่มที่ 8