คำพิพากษาฎีกา/คำให้การที่ขัดแย้งกัน ไม่มีประเด็นนำสืบตามข้อต่อสู้|คำพิพากษาฎีกา/คำให้การที่ขัดแย้งกัน ไม่มีประเด็นนำสืบตามข้อต่อสู้

คำพิพากษาฎีกา/คำให้การที่ขัดแย้งกัน ไม่มีประเด็นนำสืบตามข้อต่อสู้

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

คำพิพากษาฎีกา/คำให้การที่ขัดแย้งกัน ไม่มีประเด็นนำสืบตามข้อต่อสู้

จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้รับความยินยอมตามความประสงค์ จึงเป็นคำให้การที่ขัดแย้งกัน

บทความวันที่ 2 มิ.ย. 2554, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 4120 ครั้ง


 

คำให้การที่ขัดแย้งกัน  ไม่มีประเด็นนำสืบตามข้อต่อสู้

 

            จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้รับความยินยอมตามความประสงค์ จึงเป็นคำให้การที่ขัดแย้งกัน เป็นคำให้การไม่ชัดแจ้งด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสอง  ไม่มีประเด็นนำสืบตามข้อต่อสู้

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 588/2553

 

            คำให้การตอนแรกจำเลยปฎิเสธที่ว่าลายมือชื่อในเอกสารไม่ใช่ของจำเลย แต่ตอนหลังกลับให้การว่าข้อความในเอกสารไม่ได้เป็นไปตามความประสงค์หรือได้รับความยินยอมจากจำเลย จึงเป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันไม่แน่นอนว่าจำเลยทำเป็นหนังสือแต่งตั้งตัวแทนและนายหน้าใช้ซื้อขายทรัพย์  และหนังสือมอบอำนาจหรือไม่ เป็นคำให้การไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง  ไม่มีประเด็นนำสืบตามข้อต่อสู้  แต่เป็นที่เข้าใจได้ว่า จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์

            การซื้อขายหลักทรัพย์ทำโดยพนักงานของโจทก์ซึ่งตามปกติต้องซื้อหลักทรัพย์ตามคำสั่งของจำเลย  แต่จำเลยเป็นผู้เปิดบัญชีกระแสรายวันต่อธนาคาร เพื่อใช้เช็คในการชำระค่าซื้อหลักทรัพย์และเรียกเก็บเงินค่าขายหลักทรัพย์  และจำเลยลงลายมือชื่อล่วงหน้าในเช็คแล้วมอบให้พนักงานของโจทก์เพื่อให้ชำระค่าซื้อหลักทรัพย์แก่โจทก์จึงไม่ใช่พนักงานของโจทก์ทำการทุจริตต่อโจทก์โดยซื้อหลักทรัพย์ในนามจำเลยโดยที่จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นมาแต่ต้น  การที่จำเลยยอมให้พนักงานของโจทก์ใช้บัญชีของจำเลยและใช้เช็คที่จำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นเครื่องมือในการทุจริตต่อโจทก์ดังกล่าว  ถือว่าจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อหลักทรัพย์  จำเลยไม่อาจบอกปัดความรับผิดโดยอ้างว่าการซื้อหลักทรัพย์เป็นการกระทำของพนักงานของโจทก์

            คดีก่อนโจทก์ฟ้อง ป. พนักงานของโจทก์เป็นจำเลยฐานผิดสัญญาจ้างแรงงานและละเมิด  สืบเนื่องจาก ป. ผิดสัญญาจ้างแรงงานในกรณีซื้อขายหลักทรัพย์ของจำเลยและพวกทำให้โจทก์เสียหาย  แต่ไม่ได้ฟ้องจำเลยด้วย  คดีถึงที่สุด  ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานผิดสัญญาไม่ชำระค่าหลักทรัพย์ ประเด็นทั้งสองจึงแตกต่างกันและไม่ใช่คู่ความเดียวกัน  ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือคำพิพากษาฎีกาปี 2553 ตอนที่ 2 โดยเนติบัณฑิตยสภา

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก