จำเลยยกเหตุอื่นขึ้นมาในชั้นอุทธรณ์ ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4192/2562
การที่จะถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วหรือไม่ จะพิจารณาเพียงว่าจำเลยให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์เรื่องใดบ้างเพียงประการเดียวหาได้ไม่ แต่จะต้องพิจารณารวมถึงเหตุแห่งการปฏิเสธนั้นด้วย
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะรถยนต์พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคาร ธ. ส่วนโจทก์เพียงแต่มีชื่อเป็นผู้เช่าซื้อ ทั้งมิได้เป็นผู้ครอบครองรถยนต์พิพาทแต่อย่างใด โดยรถยนต์พิพาทอยู่ในความครอบครองของ อ. และในการฟ้องคดีนี้ ธนาคาร ธ. ไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดี โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แต่จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทจากธนาคาร ธ. ในฐานะตัวแทนของ อ. ทั้งโจทก์มิใช่ผู้ครอบครองและใช้รถยนต์พิพาท จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เป็นการยกเหตุแห่งการปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ขึ้นมาใหม่นอกเหนือจากที่ให้การไว้ ถือได้ว่าเป็นการอุทธรณ์ในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ย่อมต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง
การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ต่อศาลย่อมทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 (2) ระยะเวลาที่ล่วงเลยไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/15 วรรคหนึ่ง ต้องเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงได้สิ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/15 วรรคสอง การที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องโดยเรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุละเมิดเดียวกัน คำฟ้องเพิ่มเติมกับฟ้องเดิมจึงเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 เมื่อโจทก์มีสิทธินำเสนอคำฟ้องเพิ่มเติมได้โดยชอบแล้วเช่นนี้ แม้จะยื่นเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องได้ก็ตาม ก็หาทำให้สิทธิเรียกร้องตามที่โจทก์อ้างมาในคำฟ้องเพิ่มเติม ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับฟ้องเดิมขาดอายุความไปไม่