ลักบัตรเครดิตผู้อื่น แล้วไปถอนเงิน
คำพิพากษาศาลฎีกา 5921/2562
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 188(เดิม), 334(เดิม) , 269/5 ประกอบมาตรา 269/7, 269/6 ประกอบมาตรา 269/7 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ.มาตรา 91 ฐานลักทรัพย์(บัตรอิเล็กทรอนิกส์) และฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสาร (บัตรอิเล็กทรอนิกส์) ของผู้อื่น เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสาร (บัตรอิเล็กทรอนิกส์) ของผู้อื่น ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ.มาตรา 90 จำคุก กระทงละ 3 ปี และลงโทษฐานมีไว้เพื่อนำออกไปใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นซึ่งผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้บัตรถอนเงินสดจำคุกกระทงละ 9 เดือน ส่วนความผิดฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นซึ่งผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เบิกถอนเงินสดและฐานลักทรัพย์(เงินสด) เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นซึ่งผู้ออกได้ออกให้ผู้มีสิทธิใช้เบิกถอนเงินสด ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ.มาตรา 90 จำคุกกระทงละ 4 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสาร(บัตรอิเล็กทรอนิกส์) ของผู้อื่น จำคุกกระทงละ 1 ปี ฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นซึ่งผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เบิกถอนเงินสด ฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นซึ่่งผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เบิกถอนเงินสด และฐานลักทรัพย์(เงินสด) เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นซึ่งผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เบิกถอนเงินสดซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ.มาตรา 90 จำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและลงโทษจำคุกจำเลยแต่กระทงความผิดไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 6 อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ชามฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว