เงินสินน้ำใจ ถือเป็นค่าชดเชย|เงินสินน้ำใจ ถือเป็นค่าชดเชย

เงินสินน้ำใจ ถือเป็นค่าชดเชย

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

เงินสินน้ำใจ ถือเป็นค่าชดเชย

  • Defalut Image

นายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด และจ่ายสินน้ำใจให้ลูกจ้างไป

บทความวันที่ 1 เม.ย. 2563, 09:40

มีผู้อ่านทั้งหมด 1698 ครั้ง


เงินสินน้ำใจ ถือเป็นค่าชดเชย

             นายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด และจ่ายสินน้ำใจให้ลูกจ้างไป ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเงินสินน้ำใจถือเป็นค่าชดเชยตามกฎหมายแรง ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2561

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2561
กรณีนายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างมิได้กระทำผิดจึงจ่ายเงินสินน้ำใจให้ลูกจ้างไป
ถ้านายจ้างมีเจตนาจ่ายเงินสินน้ำใจให้ลูกจ้างเนื่องมาจากการเลิกจ้าง ทั้งการคำนวณก็มีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับค่าชดเชย ตามมาตรา118 แห่งพรบ.คุ้มครองแรงงานฯ
 เช่นนี้ เงินสินน้ำใจ แม้จะมิได้ระบุตรงๆ ว่า เป็นค่าชดเชย ก็ตาม แต่ก็คือ ค่าชดเชย กฎหมายคุ้มครองแรงงาน นั่น เอง
เมื่อนายจ้างได้จ่ายค่าชดเชย แต่เรียกเป็นเงินสินน้ำใจ แล้ว ลูกจ้างจึงไม่อาจเรียกร้องค่าชดเชยจากนายจ้างได้อีก

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
มาตรา 118
ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง ดังต่อไปนี้
(1) ลูกจ้างซึ่งทํางานติดต่อกันครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่ไม่ครบหนึ่งปีให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามสิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทํางานสามสิบวันสุดท้ายสําหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคํานวณเป็นหน่วย
(2) ลูกจ้างซึ่งทํางานติดต่อกันครบหนึ่งปีแต่ไม่ครบสามปีให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายเก้าสิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทํางานเก้าสิบวันสุดท้ายสําหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคํานวณเป็นหน่วย
(3) ลูกจ้างซึ่งทํางานติดต่อกันครบสามปีแต่ไม่ครบหกปีให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทํางานหนึ่งร้อยแปดสิบวันสุดท้ายสําหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคํานวณเป็นหน่วย
(4) ลูกจ้างซึ่งทํางานติดต่อกันครบหกปีแต่ไม่ครบสิบปีให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสองร้อยสี่สิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทํางานสองร้อยสี่สิบวันสุดท้ายสําหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคํานวณเป็นหน่วย
(5) ลูกจ้างซึ่งทํางานติดต่อกันครบสิบปีขึ้นไป ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามร้อยวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทํางานสามร้อยวันสุดท้ายสําหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคํานวณเป็นหน่วย
การเลิกจ้างตามมาตรานี้หมายความว่า การกระทําใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทํางานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และหมายความรวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทํางานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดําเนินกิจการต่อไป
              ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ลูกจ้างที่มีกําหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนและเลิกจ้างตามกําหนดระยะเวลานั้น
              การจ้างที่มีกําหนดระยะเวลาตามวรรคสามจะกระทําได้สําหรับการจ้างงานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของนายจ้างซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานที่แน่นอนหรือในงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกําหนดการสิ้นสุด หรือความสําเร็จของงานหรือในงานที่เป็นไปตามฤดูกาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น ซึ่งงานนั้นจะต้องแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกินสองปีโดยนายจ้างและลูกจ้างได้ทําสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก