การทำนิติกรรมสัญญาทางธุรกิจ การฟ้องร้องในชั้นศาล แม้กระทั่งการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นหรือการประชุมของกรรมการ
บทความวันที่ 8 มี.ค. 2554, 00:00
มีผู้อ่านทั้งหมด 84379 ครั้ง
ข้อควรระวังในการทำหนังสือมอบอำนาจ
การทำนิติกรรมสัญญาทางธุรกิจ การฟ้องร้องในชั้นศาล แม้กระทั่งการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นหรือการประชุมของกรรมการ บางครั้งต้องมีการมอบอำนาจ เพราะเจ้าของกิจการอาจติดธุระ หรือไม่สะดวกไปกระทำการด้วยตนเอง ทนายคลายทุกข์จึงขอให้คำแนะนำเกี่ยวกับการมอบอำนาจในการทำนิติกรรม ดังนี้
1. ข้อควรระวังในการมอบอำนาจ
หนังสือมอบอำนาจในการลงลายมือชื่อว่างเปล่า และให้ผู้รับมอบไปลงลายมือชื่อเองในภายหลัง ซึ่งอาจกรอกข้อความผิดไปจากเจตนารมณ์ของท่านได้ และหากมีความเสียหายเกิดขึ้น ถือว่าผู้มอบอำนาจต้องรับผิดชอบเพราะถือว่า ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ไม่อาจใช้ยันบุคคลภายนอกที่สุจริตและเสียค่าตอบแทนได้
2. การมอบอำนาจทั่วไป
หมายถึงการมอบอำนาจให้ดำเนินการมอบอำนาจทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจง เช่น มอบอำนาจได้ดูแลกิจการแทน ไม่สามารถนำหนังสือมอบอำนาจไปร้องเรียนหรือไปฟ้องร้องดำเนินคดีแทนได้
3. การมอบอำนาจฟ้องคดี
ถือว่าเป็นการมอบอำนาจแบบเฉพาะเจาะจง จะต้องมีข้อความอย่างชัดเจนว่า ให้ดำเนินคดีกับใคร ข้อหาอะไร ทางแพ่งหรือทางอาญา แต่มีคำพิพากษาของศาลฎีกา เคยวินิจฉัยว่า ไปจำเป็นต้องระบุผู้ที่จะถูกดำเนินคดี หรือชื่อศาลก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเห็นส่วนตัว ถ้าไม่อยากต้องต่อสู้คดีจนถึงศาลฎีกา ควรระบุให้ชัดเจนเกี่ยวกับตัวจำเลยหรือศาล หรือข้อหา น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้มอบอำนาจมากกว่า
4. การมอบอำนาจให้ไปร้องทุกข์ที่บทลงโทษทางอาญา
ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก และต้องปรึกษาทนายความ หากเป็นการมอบอำนาจที่เป็นเท็จ ผู้มอบอำนาจอาจถูกดำเนินคดีข้อหาแจ้งความเท็จ มีบทลงโทษถึงขั้นจำคุก
5. การมอบอำนาจให้ไปดำเนินการร้องเรียนต่าง ๆ
ต้องระมัดระวังเช่นกันว่า การร้องเรียนจะต้องมีมูลความจริง พยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของผู้ที่ถูกร้องเรียน ถ้าไม่มีพยานหลักฐาน ผู้มอบอำนาจอาจถูกดำเนินคดีกลับ ข้อหาหมิ่นประมาทหรือแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
6. การมอบอำนาจร้องเรียนเฉพาะเรื่อง
ควรกำหนดขอบเขตเรื่องที่จะร้องเรียนให้ชัดเจน เพราะปัญหาร้องเรียนเดิมมีมูลความจริง อาจมีปัญหาถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาทได้เช่นกัน
7. การมอบอำนาจอย่างละเอียด
มีการระบุข้อความอย่างชัดเจน ทำให้ไม่ต้องตีความผิดไปจากเจตนารมณ์ของผู้มอบอำนาจ แต่ในทางกลับกันหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจะมัดตัวผู้มอบอำนาจ
8. การมอบอำนาจแบบหยาบ ๆ
ไม่ควรมอบอำนาจที่กว้างเกินไป เพราะผู้รับมอบอำนาจอาจนำหนังสือมอบอำนาจไปใช้ในทางผิดไปจากเจตนารมณ์ของผู้มอบอำนาจ
9. การแก้ไขหนังสือมอบอำนาจ
ต้องมีการลงลายมือชื่อกำกับ ทนายคลายทุกข์แนะนำว่า ควรจัดทำใหม่ ที่ไม่มีการแก้ไข จะปลอดภัยกว่า
10.ผู้มอบอำนาจลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท
หนังสือมอบอำนาจยังคงมีผลบังคับอยู่ เช่น สถาบันการเงินเปลี่ยนกรรมการบริษัท หนังสือมอบอำนาจยังคงใช้ได้ ตราบใดที่ยังไม่มีการถูกยกเลิก
11.ความรับผิดในกรณีผู้รับมอบอำนาจกระทำการตามขอบอำนาจ
ผู้รับมอบอำนาจเป็นเพียงตัวแทน ไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัว
12.ผู้รับมอบอำนาจลงชื่อแทนโจทก์ได้
ในการฟ้องร้องดำเนินคดีทางอาญา ผู้รับมอบอำนาจโจทก์สามารถลงชื่อแทนโจทก์ได้ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์
13.ผู้รับมอบอำนาจว่าความอย่างทนายความไม่ได้
แต่เขียนคำให้การ หรือเรียงพิมพ์ได้ ในฐานะเป็นผู้รับมอบของตัวความ แต่จะว่าความอย่างทนายความไม่ได้
14. การติดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจ
ผู้รับมอบอำนาจ 1 คน ต้องติดอากรแสตมป์ 30 บาท ผู้รับมอบอำนาจ 2 คน ติดอากรแสตมป์ 60 บาท หนังสือมอบอำนาจใช้ได้ตลอดไป
15.ความสำคัญของพยานในหนังสือมอบอำนาจ
พยานในหนังสือมอบอำนาจถือว่าไม่มีความสำคัญ เพราะจะเป็นผู้ยืนยันว่ามีการมอบอำนาจจริง ดังนั้น การเลือกบุคคลที่ไว้วางใจได้ เป็นพยานในหนังสือมอบอำนาจเท่านั้น
ทนายคลายทุกข์ขอฝากไปยังเจ้าของกิจการว่า กิจการใด ถ้าตัวเองทำได้ด้วยตนเอง จะเป็นการดีกว่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ โดยการมอบอำนาจเพราะอาจมีผลกระทบทางกฎหมายตามมาได้