ปล่อยเงินกู้เกินอัตรามีโทษจำคุก

 

            ทนายคลายทุกข์ขอเตือนนายทุนหรือเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ  ที่ปล่อยเงินกู้และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนดมีโทษถึงขั้นจำคุก                

           

                                                ตัวบทกฎหมายอ้างอิง

 

พระราชบัญญัติ ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พุทธศักราช 2475

            มาตรา 3  บุคคลใด

 

            (ก)  ให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ หรือ

 

            (ข)  เพื่อปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราท่านบัญญัติไว้ในกฎหมาย บังอาจกำหนดข้อความอันไม่จริงในเรื่องจำนวนเงินกู้หรืออื่นๆ ไว้ในหนังสือสัญญา หรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ หรือ

 

            (ค)  นอกจากดอกเบี้ย ยังบังอาจกำหนดจะเอา หรือรับเอาซึ่งกำไรอื่นเป็นเงินหรือสิ่งของ หรือโดยวิธีเพิกถอนหนี้ หรืออื่นๆ จนเห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรตามเงื่อนไขแห่งการกู้ยืม

 

            ท่านว่าบุคคลนั้นมีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ประมวลกฎหมายอาญา

 

                                ความผิดฐานซ่องโจร

            มาตรา  210  ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

                                    ความผิดฐานกรรโชกทรัพย์

            มาตรา  337  ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

            ถ้าความผิดฐานกรรโชกได้กระทำโดย

            (1) ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจ หรือผู้อื่นให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือ

            (2) มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ

            ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

 

                                ความผิดฐานบุกรุก

        มาตรา  362  ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

            มาตรา  365  ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา  362 มาตรา 363 หรือมาตรา 364 ได้กระทำ

            (2) โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย

            (2) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือ

            (3) ในเวลากลางคืน

ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

                                    ความผิดต่อร่างกาย

            มาตรา  295  ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

 

                                   

 

เนื้อหาข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด

 

รวบยกทีม30คน! แก๊งเงินกู้นอกระบบ

            ตร.กรุงเก่ายกกำลังครึ่งร้อย บุก ทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบ "เสี่ยถาวร" หลังส่งสมุนรุมกระทืบแม่เฒ่าวัย 60 สะบักสะบอมถึงขั้นหามส่งร.พ. รวบเสี่ยพร้อมสมุนรวม 30 คน พร้อมของกลางแฟ้มบัญชีรายชื่อลูกหนี้ร่วม 50 แฟ้ม กระจายอยู่ทั่วภาคกลางรวม 19 จว.รวมทั้งกทม. เจ้าของธุรกิจเงินกู้โหดสารภาพส่งลูกน้องทำร้ายแม่เฒ่าจริง อ้างเหยื่อไม่จ่ายเงินต้นพร้อมดอก ตร.ยังไม่ให้ประกันหวั่นข่มขู่ลูกหนี้ เผยปล่อยกู้ร้อยละ 20 เก็บรายวัน

 

            เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ม.ค.พ.ต.อ.กรเอก เพชรไชยเวส รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.สุปัฏน์ จรจันทึก รองผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รองผกก.สส.สภ.วังน้อย พ.ต.ต.รามณรงค์ บุญเกิด สว.กลุ่มงานสืบสวน พร้อมกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษและชุดสืบสวนกว่า 50 นาย นำหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรวจค้นบ้านเลขที่ 17/99 ซอยชนะศรี 4 หมู่ 18 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ของนายถาวร เถื่อนกล่ำ อายุ 34 ปี เจ้าของธุรกิจปล่อยเงินกู้รายใหญ่ภาคกลาง ที่ใช้ชื่อ "ถาวรเงินทุน"

 

            สำหรับการตรวจค้นสืบเนื่องจากกรณีนางสมบัติ อยู่เย็น อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 7 ต.ลำไทร อ.วังน้อย ลูกหนี้เงินกู้นายถาวร ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บรักษาตัวที่โรงพยาบาลวังน้อย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นลูกน้องนายถาวรจึงนำกำลังเข้าตรวจค้น โดยพบกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 30 คนอยู่ในบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ กำลังเตรียมเอกสารเงินกู้จำนวนมาก เพื่อเตรียมเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์กว่า 20 คันออกเก็บเงินกู้และปล่อยเงินกู้รายวัน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวทั้งหมดไว้ รวมทั้งตัวนายถาวร

 

            จากการตรวจค้น พบเอกสารแฟ้มรายชื่อลูกค้าเงินกู้กว่า 50 แฟ้ม สมุดรายชื่อลูกค้าและรายการส่งเงินต้นและดอกจำนวนมาก ระบุชื่อลูกค้ากว่า 1,000 ราย กระจายใน 19 จังหวัดภาคกลาง เช่น จ.ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณ บุรี ชัยนาท อุทัยธานี กรุงเทพฯ เป็นต้น และยังพบบัตรประชาชนลูกค้าเงินกู้กว่า 100 ใบ เงินสด 50,000 บาท เครื่องคอมพิวแตอร์ เครื่องแฟกซ์ อาวุธมีดพกปลายแหลมหลายขนาดจำนวน 5 เล่ม

 

            นอกจากนี้บริเวณฝาพนังบ้านยังมีแผ่นกระดาษถ่ายเอกสารติดบัตรลูกหนี้ที่เบี้ยวไม่ส่งดอกและต้นโดยเขียนข้อความระบุว่า "เป็นบุคคลอันตราย" กว่า 20 ราย และยังพบรถยนต์กระบะ 2 คัน อีซูซุ สีเลือดหมู หมายเลข ตน-6178 กทม. และอีซูซุขับเคลื่อนสี่ล้อ สีดำ กข-8623 ชัยนาท และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสภาพใหม่ 20 คัน

 

            สอบสวนนายถาวรให้การรับสารภาพว่า เป็นเจ้าของธุรกิจปล่อยเงินกู้ โดยก่อนหน้านี้เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา เคยอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ 2 ต.ท่าชัย อ.เมือง จ.ชัยนาท และขายบ้านพร้อมที่ดิน 26 ไร่ ได้เงินสดกว่า 700,000 บาท นำมาลงทุนเป็นเจ้าของปล่อยเงินกู้ที่จ.ปทุมธานี โดยชักชวนเพื่อนๆ และคนรู้จักจากจ.ชัยนาท สุพรรณบุรี อุทัยธานี และปราจีนบุรี มาทำหน้าที่เป็นลูกน้องปล่อยเงินกู้และเก็บดอกรายวัน อัตราร้อยละ 20 กิจการดีมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจกว่า 2 ล้านบาท กระทั่งสามารถซื้อบ้านหลังดังกล่าวที่จ.ปทุมธานีได้

 

            "ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้า โดยอัตรากู้ 3,000 บาท จะเก็บเงินพร้อมดอก 150 บาทต่อวัน รวม 24 วัน จะได้เงินรวม 3,600 บาท จะได้กำไร 600 บาท โดยถ้าปล่อยกู้ไม่เกิน 8,000 บาท ลูกค้ามักไม่ค่อยมีปัญหา แต่มีลูกหนี้บางรายไม่ชอบคืนเงินกู้กว่า 30 รายจึงต้องติดรายชื่อประกาศให้ลูกน้อง ทราบ" นายถาวร กล่าว

 

            ส่วนกรณีนางสมบัตินั้น นายถาวร กล่าวว่า กู้เงินไป 2,000 บาท และส่งต้นดอกมาเพียง 3-4 วันเท่านั้น แล้วก็เบี้ยวหนี้และยังด่าทอลูกน้องตนเองอีก จึงส่งลูกน้อง 6 คน ประกอบด้วย นายชัยยันต์ เนตรท้วม อายุ 29 ปี หัวหน้าทีม นายสมศักดิ์ กอแก้ว อายุ 32 ปี, นายเอกลักษณ์ สุขเหมา อายุ 25 ปี, นายจรัญ แย้มทับ อายุ 25 ปี, นายพัฒน์ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และนายกฤษณา สุขเสงี่ยม ขับรถกระบะอีซูซุ สีเลือดหมู หมายเลข ตน-6178 กทม.ไปทำร้ายเพื่อเป็นการสั่งสอน ครั้งแรกตั้งใจเพียงเอาอุจจาระปาหน้าบ้านและตบ แต่ลูกน้องทำรุนแรงกว่าเหตุ

 

            จากนั้นเจ้าหน้าที่คุมตัวนายถาวรและลูกน้องรวม 30 คนไปสอบสวนที่สภ.วังน้อย โดยพล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ 1 สั่งการให้พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผบช.1 และพล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกันสอบสวน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีนายถาวรพร้อมลูกน้องในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันปล่อยเงินกู้และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด, ซ่องโจร ส่วนอีก 6 คนที่ทำร้ายลูกหนี้ถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา คือบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยผู้ต้องหาทั้งหมดยอมรับสารภาพ แต่ยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว เพราะเกรงจะไปข่มขู่ลูกหนี้

 

            ทั้งนี้ ระหว่างสอบปากคำ มีลูกหนี้ที่เคยถูกข่มขู่เดินทางมาชี้ตัว นอกจากนี้มีลูกหนี้บางราย ถือโอกาสเบี้ยวหนี้ทั้งหมด โดยบอกว่าจะไม่ขอส่งทั้งต้นและดอกต่อไป เพราะที่ผ่านมาส่งคืนไปมากแล้ว

 

                                                                        ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจากเวบไซด์ข่าวสด