หนังสือเตือนนายจ้างต้องชอบด้วยกฎหมาย|หนังสือเตือนนายจ้างต้องชอบด้วยกฎหมาย

หนังสือเตือนนายจ้างต้องชอบด้วยกฎหมาย

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

หนังสือเตือนนายจ้างต้องชอบด้วยกฎหมาย

  • Defalut Image

  ปัจจุบันลูกจ้างที่ไม่มีระเบียบวินัย เช่น มาสาย ลากิจบ่อย ฝ่าฝืนคำสั่งนายจ้างที่ไม่ร้ายแรง

บทความวันที่ 9 ส.ค. 2561, 11:31

มีผู้อ่านทั้งหมด 1181 ครั้ง


หนังสือเตือนนายจ้างต้องชอบด้วยกฎหมาย


            ปัจจุบันลูกจ้างที่ไม่มีระเบียบวินัย เช่น มาสาย ลากิจบ่อย ฝ่าฝืนคำสั่งนายจ้างที่ไม่ร้ายแรง ทำความผิดเล็กน้อย จะไล่ออกทันทีไม่ได้ ตามกฎหมายแรงงานต้องทำเป็นหนังสือตักเตือนหนึ่งครั้งก่อน และหากลูกจ้างทำผิดซ้ำคำเตือนอีก จึงจะไล่ออกได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย นอกจากนี้ผู้ที่จะออกหนังสือเตือนจะต้องเป็นนายจ้างหรือตัวแทนที่มีอำนาจว่าจ้างหรือเลิกจ้างเท่านั้น หัวหน้างานไม่มีอำนาจเลิกจ้าง เพราะไม่ใช่ตัวแทนนายจ้าง ตัวอย่างคดีที่ศาลฎีกาเคยตัดสินเกี่ยวกับหนังสือเตือนของนายจ้าง  
คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2526 

          การตักเตือนเป็นหนังสือตามกฎหมายเป็นอำนาจของนายจ้าง การที่หัวหน้าแผนกของนายจ้างออกใบเตือนแก่ลูกจ้างโดยไม่ปรากฏว่าผู้มีอำนาจว่าจ้างหรือเลิกจ้างของนายจ้างมอบหมายอำนาจในการออกใบเตือนให้ จะถือว่าหัวหน้าแผนกเป็นตัวแทนของนายจ้างในการออกใบเตือนด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2542 
          ศ.เป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยมีฐานะเป็นนายจ้างของโจทก์ ทั้งเป็นผู้บังคับบัญชา โดยตรงของโจทก์ เมื่อโจทก์ประพฤติตนบกพร่อง โดยมาทำงานสายเป็นประจำอันอาจก่อให้เกิด ความเสียหายแก่จำเลย ศ.ย่อมมีอำนาจที่จะว่ากล่าวตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือได้ และในหนังสือตักเตือนก็ไม่จำต้องให้กรรมการจำเลยสองคนลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของจำเลยเพราะมิใช่เป็นการกระทำนิติกรรมแทนจำเลยตัวบทกฎหมายอ้างอิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6910/2546
           การที่โจทก์เคยถูกจำเลยตักเตือนเป็นหนังสือเนื่องจากโจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในการลากิจมาแล้วนั้น ต่อมาโจทก์ลาป่วย ไม่ว่าการลาป่วยของโจทก์ดังกล่าวจะเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือไม่ก็ตามก็เป็นคนละเรื่องกับกรณีที่โจทก์เคยถูกจำเลยตักเตือน จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยซึ่งได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2548
           วันที่ 2 เมษายน นายจ้างสั่งย้ายลูกจ้างจากสำนักงานสาขาในกรุงเทพมหานครไปทำงานที่สำนักงานใหญ่จังหวัดนครนายกลูกจ้างไม่ไป นายจ้างออกหนังสือเตือน ต่อมาวันที่ 21 เดือนเดียวกัน นายจ้างมีคำสั่งย้ายลูกจ้างอีกครั้ง ลูกจ้างไม่ยอมไปทำงานตามคำสั่งอีก เป็นการกระทำผิดซ้ำหนังสือเตือนภายในเวลา 1 ปี นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้ 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2548
           ลูกจ้างมาสาย ถูกตักเตือนด้วยวาจา ลูกจ้างมาสายอีก ถูกตักเตือนด้วยวาจาอีก ต่อมาลูกจ้างมาสายอีก ถูกตักเตือนเป็นหนังสือและตัดค่าจ้าง 160 บาท ลูกจ้างมาสายอีกครั้ง ถูกตักเตือนด้วยวาจา ลูกจ้างก้าวร้าวผู้บังคับบัญชาถูกตักเตือนเป็นหนังสือ ต่อมาลูกจ้างนำโทรศัพท์ส่วนกลางไปใช้โทรศัพท์ส่วนตัว การกระทำผิดในเรื่องก้าวร้าวและเรื่องใช้โทรศัพท์ มิใช่การกระทำผิดซ้ำคำเตือน นายจ้างไม่สามารถนำมาเป็นเหตุเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 3446/2549
          ลูกจ้างได้รับคำสั่งให้ไปทำงานแผนกเย็บ ไม่ไปทันที นายจ้างออกหนังสือเตือน อีก 5 วันต่อมา ได้รับคำสั่งให้ไปทำงานอีกแผนกหนึ่งก็ไม่ยอมไป เป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9033/2550
         การย้ายโจทก์ไปทำงานในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใกล้เคียงตำแหน่งเดิม โดยจ่ายค่าจ้างให้ในอัตราเท่าเดิมโดยมิได้กลั่นแกล้งย้ายตำแหน่งหน้าที่โจทก์ คำสั่งของจำเลยที่เปลี่ยนลักษณะการทำงานของโจทก์จากการเป็นพนักงานยกของเติมวัตถุดิบเป็นการทำความสะอาดเก็บขยะจึงเป็นคำสั่งที่ชอบ เมื่อโจทก์ไม่ไปปฏิบัติงานตามคำสั่งดังกล่าวจึงถือได้ว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่ แต่ปรากฏตามหนังสือการลงโทษทางวินัย เอกสารหมาย จล.3 ถึง จล.5 ว่าในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา 9.15 นาฬิกา หัวหน้าฝ่ายบริหารสั่งให้โจทก์ไปทำงานที่บริเวณโรงเก็บขยะโจทก์ปฏิเสธที่จะทำจึงได้มีหนังสือเตือนฉบับที่ 1 ต่อมาในวันเดียวกันเวลา 11.30 นาฬิกา หัวหน้าฝ่ายบริหารสั่งให้โจทก์ไปทำงานแต่โจทก์ก็ยังไม่ปฏิบัติงานตามคำสั่งจึงได้มีหนังสือเตือน ฉบับที่ 2 จนกระทั่งเวลา 14.30 นาฬิกา ของวันดังกล่าวโจทก์ยังคงไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ ซึ่งตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน เอกสารท้ายฟ้องข้อ 11.3 กำหนดให้การตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรตาม (7) ให้กระทำได้เมื่อลูกจ้างละทิ้งหน้าที่ขาดงานไป 1 ถึง 2 วัน สำหรับครั้งแรก ดังนั้น การที่จำเลยมีหนังสือเตือนฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ตามหนังสือการลงโทษทางวินัยตามเอกสารหมาย จล.3 และ จล.4 โดยที่โจทก์ยังมิได้ละทิ้งหน้าที่ขาดงานไป 1 ถึง 2 วัน ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานดังกล่าว จึงเป็นการตักเตือนโดยไม่ชอบ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์มิได้มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 (4) จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1978/2557
            การที่ลูกจ้างหยุดงานในวันที่ 9 และวันที่ 10 มกราคมนั้น สืบเนื่องจากถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม กรณีจึงถือไม่ได้ว่าลูกจ้างละทิ้งหน้าที่ตามข้อบังคับฯ ของนายจ้าง นายจ้างจึงลงโทษลูกจ้างด้วยการตักเตือนเป็นหนังสือหาได้ไม่ เมื่อการตักเตือนเป็นหนังสือดังกล่าวเป็นไปโดยไม่ชอบ การลงโทษลูกจ้างอีกครั้งเพราะเหตุละทิ้งหน้าที่ในวันที่ 23 มกราคม จึงไม่เป็นการกระทำความผิดซ้ำคำเตือน 
การทำงานร่วมกันระหว่างลูกจ้างกับนายจ้างต้องอาศัยความซื่อสัตย์สุจริตและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน 
 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก