ถ้ามึงยังไม่หยุดมึงเจอกูแน่เตรียมตัวได้เลย|ถ้ามึงยังไม่หยุดมึงเจอกูแน่เตรียมตัวได้เลย

ถ้ามึงยังไม่หยุดมึงเจอกูแน่เตรียมตัวได้เลย

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ถ้ามึงยังไม่หยุดมึงเจอกูแน่เตรียมตัวได้เลย

  • Defalut Image

ถ้ามึงยังไม่หยุดมึงเจอกูแน่เตรียมตัวได้เลย ( สุภาษิตไทยกล่าวว่าหมาเห่ามักไม่กัด)

บทความวันที่ 15 ส.ค. 2560, 11:35

มีผู้อ่านทั้งหมด 3180 ครั้ง


ถ้ามึงยังไม่หยุดมึงเจอกูแน่เตรียมตัวได้เลย

             ถ้ามึงยังไม่หยุดมึงเจอกูแน่เตรียมตัวได้เลย ( สุภาษิตไทยกล่าวว่าหมาเห่ามักไม่กัด)  เมื่อเช้านี้ แฟนคลับ ส่งข้อความมาให้ผมว่าถูกข่มขู่จากคู่กรณี มีข้อความว่าถ้ามึงยังไม่หยุดเจอกูแน่เตรียมตัวได้เลย ถามว่าข้อความดังกล่าวถือว่าเป็นการข่มขู่หรือไม่ 
คำตอบ 
            การขู่เข็ญ หมายถึง แสดงว่าจะทำให้เกิดภัยแก่เขาจะเป็นภัยที่เกิดทันทีหรือภายในภายหน้าก็ได้  และการขู่เข็ญอาจกระทำโดยกริยาวาจาก็ได้  ดังนั้น ข้อความดังกล่าวจึงเป็นการขู่เข็ญ ผู้อื่น ที่ต้องการผลให้เกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ  (อ้างอิงฎีกาที่ 2280/2555)  ถ้าผู้เสียหายกลัวก็เป็นความผิดสำเร็จ (อ้างอิงฎีกาที่ 40/2509) แต่ถ้าผู้เสียหายไม่กลัวก็เป็นความผิดฐานพยายาม  การข่มขู่ผู้อื่นเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะถูกหรือผิดกฎหมายก็ไม่ควรทำ ใน facebook มีคำขู่จำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่คนที่ขู่มักไม่เอาจริงเข้าตำราที่ว่า หมาเห่าไม่กัด คนที่ไม่ขู่ ส่วนใหญ่มักจะเอาจริงนะครับจากทนายคลายทุกข์

คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง
1.คำพิพากษาฎีกา 2280/2555

            จำเลยและ บ. กับพวกได้เข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย และจำเลยพูดว่า “มึงแน่หรือ ที่อยู่ที่นี่มา 15-16 ปี เอามันเลย” กับพูดว่า “ไอ้สัตว์ เดี๋ยวยิงทิ้งหมดเลย” อันเป็นความผิดฐานบุกรุกและขู่ให้ผู้อื่นตกใจกลัว แต่การที่จำเลยพูดว่า เอามันเลย และ บ. เข้าทำร้ายผู้เสียหายโดยจำเลยไม่ได้ทำร้ายผู้เสียหายด้วยนั้น เป็นการที่จำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 84 เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับ บ. และพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายตามมาตรา 83 ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับฟ้องในสาระสำคัญตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ย่อมลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดไม่ได้ แต่การที่จำเลยร้องบอกดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนให้ บ. กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86 ศาลมีอำนาจปรับบทฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
           โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิด 3 กรรม แยกเป็นข้อรวม 3 ข้อ โดยข้อที่ 1 กล่าวแต่เพียงว่า จำเลยกระทำความผิดฐานร่วมกับ บ. บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนตามมาตรา 365 (2) และ (3) ประกอบ 364 เท่านั้น มิได้บรรยายฟ้องว่าร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 365 (1) ประกอบมาตรา 364 แต่อย่างใด ส่วนความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายสาหัสกล่าวในห้องข้อ 3 แยกต่างหาก ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 365 (1) ประกอบมาตรา 364 ด้วย จึงเป็นการเกินคำขอและมิได้กล่าวมาในฟ้อง แต่อย่างไรก็ตาม แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องฐานทำร้ายร่างกายแยกต่างหากในฟ้องข้อ 3 แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อจำเลยและ บ. เข้าไปในบ้านแล้ว บ. จึงได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยจำเลยบอกให้ทำร้ายต่อเนื่องใกล้ชิดกัน เห็นได้ว่ามีเจตนาประสงค์ต่อผลโดยตรงต่อการที่จะให้มีการทำร้ายผู้เสียหาย ทั้งการทำร้ายของ บ. ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ส่อแสดงถึงความไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถาน อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 364 อยู่ด้วย การที่จำเลยบอกให้ บ. ทำร้ายร่างกายจึงเป็นกรรมเดียวกันกับการร่วมบุกรุกบ้านอันเป็นเคหสถาน 

2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 40/2509
            จำเลยทั้งสองร่วมวงเสพสุรากัน จำเลยที่ 2 พูดว่าจะทำร้ายผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ไปหาผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 ก็ตามไปด้วย และยืนอยู่ด้วย เป็นการสมทบกำลังให้จำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 2 ถือมีดตรงเข้าจะแทงผู้เสียหายและวิ่งไล่แทงผู้เสียหายซึ่งยืนห่างในระยะ 1 วา สามารถจะทำร้ายได้ หากผู้เสียหายโดดหนีและวิ่งขึ้นเรือนได้ทัน จึงแทงไม่ได้สมความตั้งใจ เป็นความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย จำเลยที่ 1 วิ่งไล่ไปด้วย ถือว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดร่วมกัน
          การกระทำที่ก่อให้เกิดความกลัวหรือตกใจรวมอยู่เป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายแล้ว และเป็นความผิดที่มีโทษเบากว่า จึงลงโทษฐานพยายามทำร้ายร่างกายอันเป็นบทหนักกว่าแต่บทเดียว.
 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก