ร่วมกันฆ่าหั่นศพ(คดีน้องเปรี้ยว)
ทนายคลายทุกข์ขอให้ความรู้เกี่ยวกับการเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดในคดีอาญา
1. มีเจตนาร่วมกันที่จะกระทำความผิด ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ
2. มีการกระทำร่วมกัน ในขณะกระทำความผิด เช่นการแบ่งหน้าที่กันทำเช่นดูต้นทางฎีกาที่ 321/2521 หรืออยู่ในที่เกิดเหตุในลักษณะที่สามารถช่วยเหลือให้การกระทำความผิดสำเร็จลุล่วงไปได้ฎีกาที่ 911/2473 หรือฎีกาที่ 1715/2528
3. ถ้ามีการกระทำร่วมกันภายหลังกระทำความผิดไม่ใช่ตัวการร่วมอ้างอิงฎีกาที่ 2439/2539
4. ผลของการเป็นตัวการร่วมต้องร่วมกันรับผลอันเกิดจากการกระทำของตัวการร่วมนั้นอ้างอิงฎีกาที่ 5479/2554 แต่หากไม่ใช่ตัวการร่วมแต่ละคนก็ต้องรับผิดเฉพาะผลที่เกิดจากการกระทำของตนเท่านั้นอ้างอิงฎีกา 11822/2556
5. การกระทำความผิดโดยประมาทเป็นการกระทำความผิดมิใช่โดยเจตนาจึงไม่อาจเป็นการร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 อ้างอิงฎีกาที่ 17212/2555
ท่านใดอยากจะแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับคดีตัวการร่วมโทรศัพท์มาคุยกันได้ที่ 081-6161425 นะครับ
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2521
จำเลยที่ 1, ที่ 3 เข้าปล้นทรัพย์ในร้านขายของจำเลยที่ 2 เดินวนเวียนอยู่บริเวณหน้าร้าน ทำหน้าที่คอยดูต้นทางเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำให้การปล้นสำเร็จ จำเลยที่ 2 เป็นตัวการปล้นทรัพย์
2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2473
สามคนสมคบกันมีอาวุธไปทำการชิงทรัพย์และคอยช่วยเหลือกันเพื่อให้การกระทำสำเร็จไปดังนี้ ต้องมีผิดฐานเปนตัวการปล้นทรัพย์ด้วยกัน พ.ร.บ. ฎีกาอุทธรณ์แก้มาก ศาลเดิมวาง ม.301 จำ 10 ปี ศาลอุทธรณ์วาง ม.299 จำ 3 ปี ฎีกาได้
3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2528
ก่อนเกิดเหตุจำเลยอยู่ในกลุ่มของพวกที่ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและขณะเกิดเหตุจำเลยนั่งอยู่กับพวกที่โต๊ะใกล้ห้องน้ำที่เกิดเหตุถือเสื้อให้เพื่อนที่เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราและเพื่อดูเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแจ้งเหตุร้ายแก่ผู้กระทำผิดถือได้ว่าจำเลยร่วมกระทำผิดแล้ว
4.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2439/2539
ส. พาจำเลยไปขนสุราซึ่งกองอยู่หน้าโรงเก็บสินค้าล.ที่ส. เป็นลูกจ้างอยู่มิได้ไปขนสุราจากโรงเก็บสินค้าก.และโรงเก็บสินค้าพ. ที่ผู้เสียหายนำสุราไปเก็บรักษาไว้แสดงว่าส. ลักสุราของผู้เสียหายและขนสุราดังกล่าวออกจากโรงเก็บสินค้าก. ไปเก็บไว้ที่โรงเก็บสินค้าล. ตอนที่จำเลยไปช่วยขนสุราของผู้เสียหายจึงเป็นเวลาที่ส. ลักสุราของผู้เสียหายเสร็จแล้วจำเลยจึงมิได้เป็นตัวการร่วมกับส. ลักทรัพย์ สุราของกลางแม้จะมีสารชนิดหนึ่งซึ่งทำให้ผู้ดื่มเกิดอาการปวดศีรษะแต่ก็เป็นสุราที่ผลิตโดยได้รับอนุญาตจึงมิใช่สุราที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิดและสุราดังกล่าวก็เป็นของผู้เสียหายผู้เสียหายจึงมีอำนาจร้องทุกข์และคดีที่จำเลยถูกกล่าวหาเป็นคดีความผิดต่ออาญาแผ่นดินมิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัวพนักงานสอบสวนก็มีอำนาจสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา121วรรคหนึ่งถึงแม้ผู้เสียหายจะมิได้ร้องทุกข์ก็ตาม
5.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5479/2554
จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันทำร้ายโจทก์ร่วมต่อเนื่องกัน เมื่อ ร. พวกของจำเลยนำมีดหัวตัดที่นำติดตัวมาฟันโจทก์ร่วมจนเป็นอันตรายสาหัส จำเลยทั้งสามต้องรับผลในสิ่งที่ตนเองกับพวกกระทำลงไป จะอ้างว่ามีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายเท่านั้นหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายสาหัส จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 297 (8) ประกอบมาตรา 83