การฟ้องบริษัทแม่ให้ร่วมรับผิดกับบริษัทในเครือ|การฟ้องบริษัทแม่ให้ร่วมรับผิดกับบริษัทในเครือ

การฟ้องบริษัทแม่ให้ร่วมรับผิดกับบริษัทในเครือ

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

การฟ้องบริษัทแม่ให้ร่วมรับผิดกับบริษัทในเครือ

ปัจจุบันบริษัทการค้าขนาดใหญ่ มักตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาบังหน้าหรือใช้บริษัทในเครือ

บทความวันที่ 12 มิ.ย. 2558, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 2965 ครั้ง


การฟ้องบริษัทแม่ให้ร่วมรับผิดกับบริษัทในเครือ

              ปัจจุบันบริษัทการค้าขนาดใหญ่ มักตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาบังหน้าหรือใช้บริษัทในเครือซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์ทางการค้าโดยไม่สุจริต มีพฤติการณ์หลอกลวงผู้บริโภคมาตั้งแต่เริ่มต้น เช่น จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาทำโครงการ เช่น โครงการหมู่บ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียม หลังจากนั้นไปขอกู้เงินกับธนาคารมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนและโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงให้คนมาจองจ่ายเงินดาวน์ ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมโดยใช้นิติบุคคลในเครือเป็นผู้ทำสัญญากับผู้บริโภค ซึ่งบริษัทในเครือเหล่านั้นมีทุนจดทะเบียนต่ำ ไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นของตนเอง มีแต่หนี้สินที่ผูกพันกับสถาบันการเงิน เมื่อรับเงินจากผู้บริโภคแล้วก็หยุดก่อสร้าง อ้างว่า “เจ๊ง” เมื่อผู้บริโภคฟ้องศาลก็ฟ้องได้เฉพาะบริษัทในเครือซึ่งเป็นคู่สัญญาเท่านั้น ไม่สามารถยึดทรัพย์สินอะไรได้ ปัจจุบันศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคได้มีคำตัดสินว่า ถ้าบริษัทแม่อยู่เบื้องหลังโครงการมีผลประโยชน์ร่วมกันจะต้องร่วมรับผิดต่อผู้บริโภคด้วย ดังนั้น ท่านผู้อ่านที่เป็นผู้บริโภค หากจะฟ้องเจ้าของโครงการต้องฟ้องบริษัทแม่เข้าไปด้วย หรือฟ้องผู้ถือหุ้นเข้าไปด้วย เพื่อให้ร่วมกันรับผิด
คำพิพากษาฎีกาที่ 2637-2638/2553
          จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการโครงการ ป. และคอนโดมิเนียมและทำสัญญาขายห้องชุดกับผู้บริโภค ทั้ง 21  ราย แล้วผิดสัญญาก่อสร้างไม่แล้วเสร็จและหยุดการก่อสร้าง ผู้บริโภคทั้ง 21 ราย ร้องเรียนต่อโจทก์ (คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) และมอบอำนาจให้โจทก์บอกเลิกสัญญาและเรียกเงินคืนจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เพิกเฉยจึงถือว่าสัญญาจะซื้อจะขายระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้บริโภคทั้ง 21 ราย ในคดีนี้เป็นอันเลิกกัน โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่ผู้บริโภคทั้ง 21 ราย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ตามฟ้องหรือไม่ ข้อความในใบโฆษณาทำให้พยานโจทก์และประชาชนทั่วไปที่พบเห็นข้อความดังกล่าวเข้าใจว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันดำเนินธุรกิจโครงการ ป.และคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะจำเลยที่ 2 มีทุนจดทะเบียนสูงถึง 750,000,000 บาท ขณะที่จำเลยที่ 1 มีทุนจดทะเบียนเพียง 10,000,000 บาท และในเอกสารดังกล่าวมีข้อความย้ำหลังข้อความเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนของจำเลยที่ 2 ว่า “ชำระเต็มมูลค่า” ประกอบด้วยย่อมจูงใจให้ผู้พบเห็นข้อความนี้เชื่อถือโครงการดังกล่าวจากฐานะความมั่นคงของจำเลยที่ 2 ประกอบกับนางสาว ป. พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้บริโภคที่ซื้อห้องชุดในโครงการดังกล่าวคนหนึ่งเบิกความว่า ก่อนตกลงซื้อพยานได้รับหนังสือเชิญชวนจากจำเลยที่ 2 ให้ซื้ออาคารและห้องชุดของจำเลยที่ 2  และบริษัทในเครือรวมทั้งโครงการ ป.และคอนโดมิเนียมด้วย ซึ่งเป็นการยืนยันว่าโครงการ ป.และคอนโดมิเนียมเป็นโครงการหนึ่งในเครือของจำเลยที่ 2 ข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้บริหารโครงการทำหน้าที่ขายและไม่รู้เห็นในการจัดทำเอกสารโฆษณา ทั้งเหตุที่ต้องระบุชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้บริหารโครงการเพื่อเป็นการปฏิบัติตามที่กฎกระทรวงฉบับที่ 4 ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 นั้น ไม่สมเหตุสมผลจึงไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ แม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด เป็นการทำสัญญาระหว่างผู้บริโภคทั้ง 21 รายในคดีนี้กับจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่จากข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองดังกล่าวย่อมฟังได้โดยแจ้งชัดว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันดำเนินธุรกิจโครงการ ป.และคอนโดมิเนียม โดยต่างมีประโยชน์ร่วมกันในโครงการดังกล่าว จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อผู้บริโภคทั้ง 21 ราย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 นั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคเห็นพ้องด้วยในผล
ที่มา : หนังสือคำอธิบายกฎหมายวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคของอาจารย์เอื้อน  ขุนแก้ว
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 456
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย    
             สัญญาจะขายหรือจะซื้อ หรือคำมั่นในการซื้อขายทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ให้ใช้บังคับถึงสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาท หรือกว่านั้นขึ้นไปด้วย
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค  พ.ศ. 2551
มาตรา 18
  ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย การยื่นคำฟ้องตลอดจนการดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ในคดีผู้บริโภคซึ่งดำเนินการโดยผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคให้ได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง แต่ไม่รวมถึงความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นที่สุด
           ถ้าความปรากฏแก่ศาลว่าผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคนำคดีมาฟ้องโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เรียกร้องค่าเสียหายเกินสมควร ประพฤติตนไม่เรียบร้อย ดำเนินกระบวนพิจารณาอันมีลักษณะเป็นการประวิงคดีหรือที่ไม่จำเป็น หรือมีพฤติการณ์อื่นที่ศาลเห็นสมควร ศาลอาจมีคำสั่งให้บุคคลนั้นชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่ได้รับการยกเว้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วนต่อศาลภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนดก็ได้ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
            ในกรณีตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ถ้าศาลเห็นว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะต้องเป็นผู้รับผิดเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนของคู่ความทั้งสองฝ่าย ให้ศาลพิพากษาในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมโดยสั่งให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้นชำระต่อศาลในนามของผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคซึ่งค่าฤชาธรรมเนียมที่ผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคนั้นได้รับยกเว้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วนตามที่ศาลเห็นสมควร
ผู้ประกอบธุรกิจที่ฉ้อฉลไม่อาจรอดเงื้อมมือกฎหมายไปได้นะครับ

 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก