ว่าด้วยเรื่องเมียน้อย|ว่าด้วยเรื่องเมียน้อย

ว่าด้วยเรื่องเมียน้อย

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ว่าด้วยเรื่องเมียน้อย

คอลัมภ์คุยกับนักสืบวันนี้ ทีมงานทนายความและนักสืบ รายการทนายคลายทุกข์ ขอนำบทความเกี่ยวกับประสบการณ์จริงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในทุกครอบครัว

บทความวันที่ 18 พ.ค. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 11827 ครั้ง


ว่าด้วยเรื่อง"เมียน้อย"

ว่าด้วยเรื่อง"เมียน้อย"

 

       คอลัมภ์คุยกับนักสืบวันนี้  ทีมงานทนายความและนักสืบ  รายการทนายคลายทุกข์  ขอนำบทความเกี่ยวกับประสบการณ์จริงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในทุกครอบครัว กับการมาถึงของบุคคลที่สามที่มีอิทธิพลมากพอจะพลิกสถานการณ์ของครอบครัวให้ล้มคว่ำลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่มีความ "ห่างเหิน" และ "ความตึงเครียด" เป็นบรรยากาศหลักของบ้าน

      

       ครอบครัวที่ทีมงานมีโอกาสได้พูดคุยในครั้งนี้เป็นครอบครัวของคุณประสงค์ - คุณพิมลวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของธุรกิจค้าปลีกทางภาคตะวันออก ซึ่งในวันที่เอ่ยปากเล่าถึงประสบการณ์ในอดีตนี้เป็นวันที่พายุพัดผ่านครอบครัวของคุณประสงค์ไปแล้วเรียบร้อย และสมาชิกในบ้านกำลังอยู่ระหว่างการก่อร่างสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่ ซึ่งอาจมีบางส่วนต้องปะผุใจ ทำสีใหม่กันบ้าง

      

       ต้นตอของพายุที่คุณประสงค์เอ่ยปากยอมรับว่าเป็นความผิดของเขาเองก็คือ การปล่อยให้มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาในชีวิตโดยผู้หญิงคนนั้นคือพี่เลี้ยงของลูกที่ทำหน้าที่ทุกอย่าง ตั้งแต่ป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับลูก ๆ กวาดบ้านถูบ้าน ซักผ้า ขณะที่ภรรยาต้องออกไปทำงานนอกบ้าน

      

       ในช่วงเศรษฐกิจดี กิจการก็รุ่งเรือง มีลูกค้ามากมาย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่บ้านเราใช้เงินมือเติบมาก ไปทานข้าวนอกบ้านกันประจำ เปลี่ยนรถใหม่ ลูก ๆ อยากได้อะไรซื้อให้ ไม่เคยขัดใจ ครอบครัวก็ดูจะมีความสุข แต่พอเศรษฐกิจตกต่ำ เราต้องปลดลูกจ้างออก กิจการก็ทำเองคนเดียวเท่าที่ไหว รายได้มันก็ลดลง

       

       ส่วนภรรยาที่ทำงานนอกบ้านอยู่แล้ว ก็บังเอิญต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปศึกษาต่อ ซึ่งนอกจากจะดึงรายได้ของครอบครัวไปบางส่วน ยังดึงเวลาที่เคยมีให้กับครอบครัวไปด้วย ผลที่ตามมาคือ ความห่างเหินของสามีภรรยา และความตึงเครียดของบ้านเรื่องเงินไม่พอใช้ กลายเป็นความไม่เข้าใจที่สามารถปะทุขึ้นได้เรื่อย ๆ ทันทีที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจุดประเด็น

      

       ความที่เราสองคนสามีภรรยาเป็นคนมีการศึกษาดีกันทั้งคู่ ที่ผ่านมา เราก็เลยเอาแต่เรียน เอาแต่ทำงาน ทักษะเรื่องการดูแลกัน ดูแลครอบครัว ดูแลลูกเลยไม่มี หรือเรียกว่าไม่ค่อยจะเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น เมื่อเจอปัญหา ต่างคนก็ต่างเก่ง ต่างคนต่างไม่ยอมกัน มันก็เลยทะเลาะกันบ่อยขึ้น ๆ จนตอนหลัง ๆ ต้องนอนแยกห้อง

      

       ผลที่ตามมาหลังจากนั้นคือ เสาเรือใหญ่ของบ้านยอมรับว่า เขาเองก็ต้องการที่พึ่งทางใจ นั่นจึงทำให้บุคคลที่เคยเป็นแค่พี่เลี้ยงลูกในบ้านเข้ามามีบทบาทแทรกกลางระหว่างคนสองคนได้

      

       ความใกล้ชิดเป็นส่วนหนึ่ง เพราะกิจการของเราอยู่ที่บ้าน บางทีเราเหนื่อย ๆ มา พี่เลี้ยงเด็กคนนี้เขาก็เอาน้ำเย็นมาให้ หรือมาคอยดูแลซึ่งเขาเองยอมรับว่าเคยนำไปเปรียบเทียบกับภรรยาที่ไม่ค่อยได้ดูแลเขาเท่าที่ควรเช่นกัน

      

       วันที่พายุแตะพื้น

      

       ครอบครัวที่อยู่ในบรรยากาศตึงเครียดครอบครัวนี้มาถึงจุดแตกหักเมื่อวันหนึ่ง คุณพิมลวรรณกลับมาบ้านก่อนเวลาปกติ

      

       วันนั้นมีเหตุต้องกลับบ้านเร็วกว่าปกติ แต่พอกลับมา ก็พบว่าบ้านเงียบ เดินขึ้นมาชั้นสองก็ได้ยินเสียงกุกกัก ๆ อยู่ในห้อง แล้วก็เสียงคนคุยกันหงุงหงิง ตอนนั้นมือเย็นมาก พยายามตั้งสติ มือก็ควานหากุญแจห้อง หาให้ถูกดอก จะได้ไขทีเดียวไม่พลาด ซึ่งหาไปมือก็สั่นไป พอไขประตูเข้าไป ภาพที่พบก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ซึ่งสำหรับผู้หญิงทุกคน มันเป็นช่วงเวลาที่สติแตกมาก ๆ

      

       ยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมาก มันทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยงสามี มีอะไรใกล้มือเราทุ่มใส่เขาไปก่อน โวยวาย เสียงดัง นาทีนั้น อะไรก็เอาไม่อยู่แล้ว ส่วนพี่เลี้ยงลูกคนนั้น เราไล่เขาออกไปในแทบจะวินาทีนั้นเลย

 

       ด้านลูก ๆ ทั้งสามคน เมื่อพบกับความแตกสลายของครอบครัว สิ่งที่เด็กได้รับจึงหนีไม่พ้นความเจ็บปวด

      

       ตอนนั้น การเป็นพ่อไม่ได้มีค่าอะไรอีกเลยในสายตาลูก จากที่ลูกเคยรักเรา เล่นกับเรา วันหนึ่งเขากลับบอกว่า เขาเกลียดพ่อ คำ ๆ นี้ทำให้หัวใจคนเป็นพ่อเจ็บปวดมาก นาทีนั้นเราเลยได้คิด ว่าเราอยากได้โอกาสจากลูก อีกสักครั้งก็ยังดี อยากให้เขามองเราเป็นพ่อเหมือนเดิม ไม่ใช่มองด้วยสายตาเจ็บปวดแบบนี้

      

       นานนับเดือนกว่าที่บรรยากาศในบ้านจะคลายความตึงเครียดลง แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีชนวนปะทุความขัดแย้งเป็นระยะ ๆ เหตุจากบาดแผลฝังใจของภรรยาที่ยากจะลบเลือน

      

       ตอนนั้น ความรู้สึกเกลียดชัง หรือแค้น มันยังมีอยู่ มันเลยทำให้เราคอยแต่จะประชดประชัน และเล่นเกมการเมืองกับสามี พยายามทำให้ลูกเข้าข้างเรา เห็นใจเรา เหมือนแย่งลูกกัน ว่าลูกจะอยู่ฝ่ายใคร พ่อหรือแม่ ต่างคนต่างพยายามชี้จุดไม่ดีของกันและกันให้ลูกเห็น ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่มีประโยชน์เลย

      

       แต่เมื่อเวลาผ่านไป สองสามีภรรยาได้มีเวลาย้อนมองความผิดพลาดของตนเอง ตลอดจนบาดแผลในใจที่ลูก ๆ ได้รับ จึงทำให้คนสองคนเริ่มได้สติกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง

      

       ละครไม่ สอนใจเสมอไป

    

       แม้ชีวิตในละครจะเต็มไปด้วยฉากทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเนื้อหารุนแรง แต่ฉากสุดท้ายของละคร พระเอกนางเอกมักจะลงเอยอย่างมีความสุข แต่ในชีวิตจริง ไม่เสมอไปที่จะเป็นเช่นนั้น

      

       ตัวละครจะกรี๊ดกร๊าดแค่ไหนก็ได้ จะร้ายเพียงใดก็ได้ แต่เราต้องไม่นำมาใช้ในชีวิตจริง เพราะเมื่อไรที่เราเอ่ยคำหยาบ คำประชดประชัน หรือทำพฤติกรรมโวยวายเลียนแบบในละคร ชีวิตครอบครัวเราพร้อมจะพังลงได้ในทันทีคุณพิมลวรรณยอมรับ

      

       มันไม่เหมือนในละคร ที่ผู้หญิงเล่นตัวได้ มีผู้ชายมาง้อ ในชีวิตจริง เราก็ผิดเองที่ไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลสามี มันต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาเข้าใจ หรือมาอดทนอยู่ฝ่ายเดียว เราเองก็บกพร่องในหน้าที่หลาย ๆ อย่าง ที่ไม่ได้ดูแลสามีเท่าที่ควร

      

       ตอนที่เกิดเรื่อง เราใช้อารมณ์กันทั้งสองฝ่าย และพร้อมจะแตกหัก แต่ก็มีผู้ใหญ่หลายคนให้สติ ให้คำแนะนำในการใช้ชีวิตคู่ เช่น ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า ไม่ต้องเอาเรื่องของคนในบ้านไปเล่าให้คนข้างนอกฟัง เพราะเขาก็เล่าต่อกันไปสนุกปาก แต่คนของเราเวลาไปเจอคนอื่นจะทำหน้าอย่างไร จะมีหน้ามีตาในสังคมได้ไหม แล้วก็อย่าพูดจาทำร้ายจิตใจกัน คำหยาบ คำประชดประชันต้องเลิก และหันมาคุยกันจริง ๆ จัง ๆ พยายามทิ้งความเกลียดชัง ทิ้งความขยะแขยงออกไป ข้อสุดท้ายคือ ถ้าไม่ถึงที่สุดจริง ๆ อย่าท้าเลิก

      

       ด้านคุณประสงค์สามีเองก็ออกมายอมรับความผิดพลาดด้วยเช่นกัน สิ่งที่อยากได้กลับคืนมาคือโอกาสจากลูก ๆ และภรรยา อยากทำครอบครัวให้ดีเหมือนเดิม ความผิดพลาดมันอาจเกิดขึ้นได้ แต่หลังจากนั้นคนที่ทำผิดพลาดส่วนมากอยากขอโอกาสในการแก้ตัวใหม่ เพราะเราอยากได้กำลังใจ อยากให้คนในครอบครัวกลับมาอยู่ร่วมกัน รักกันเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง

      

       บทความดังกล่าวข้างต้นทีมงานทนายความและนักสืบ  รายการทนายคลายทุกข์ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์  สำหรับท่านผู้อ่านท่านใดที่มีเรื่องราวดี ๆ หรือประสบการณ์ของครอบครัวที่น่าจดจำ และต้องการแบ่งปันให้ท่านอื่น ๆ ได้ทราบ หรือได้เป็นอุทาหรณ์สอนใจ สามารถส่งเรื่องราวของท่านเข้ามาได้เช่นกันที่คอลัมภ์คุยกับนักสืบที่ www.decha.com หรือ e-mail: [email protected]   หรือถ้ามีปัญหาต้องการคำปรึกษาจากผู้ที่มีประสบการณ์โดยตรง  สามารถขอคำปรึกษาได้ที่ 02-9485700

 

 ขอขอบคุณบทความจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1

จริงการเอาแต่อารมณ์เป็นที่ตั้งไม่ได้ทำให้ปัญหาลดลงไปแต่กับเป็นชนวนที่ทำให้แต่แตกหักกันใช้เหตุผลแล้วหันหน้ามาคุยกันถือว่าดีที่สุดแต่ต้องรอให้อารมณ์เย็นก่อน

โดยคุณ ต้อม 3 ก.ย. 2553, 00:17

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก