จำเลยมีอาการคุ้มคลั่ง แต่ยังเชื่อฟังพี่สาวและแม่เข้ามาห้ามปราม ถือว่าจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2721/2546
จำเลยกับผู้เสียหายไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ทั้งไม่มีมูลเหตุใดรุนแรงพอที่จะต้องทำร้ายกัน หากจำเลยไม่ได้รับประทานยาจะมีอาการคุล้มคลั่ง การที่จำเลยคาดคิดว่าผู้เสียหายลักรองเท้าจำเลยไปจึงได้ถือเอาเป็นเหตุโกรธแค้น นับว่าจำเลยมีความผิดปกติในความและการรับรู้แล้วแสดงออกด้วยการใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย ซึ่งกระทำไปเพราะความเป็นโรคจิตเภท แต่การที่จำเลยเชื่อฟังและมีอาการสงบลงเมื่อมารดาและพี่สาวจำเลยเข้าห้ามปราม แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างหรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ดังนั้น จำเลยจึงต้องรับโทษสำหรับการกระทำความผิดนั้นซึ่งมาตรา 65 วรรคสอง ศาลจะลงโทษสำหรับการกระทำความผิดนั้นซึ่งตามมาตรา 65 วรรคสอง ศาลจะลงโทษกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 65 ผู้ใดกระทำความผิด ในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น
แต่ถ้าผู้กระทำความผิดยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
#ทนายคลายทุกข์ #วิกลจริต #เป็นบ้า #คดีอาญา
#ปรึกษาคดี โทร.02-9485700, 081-6161425, 081-8217470, 081-6252161