คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2565 

บทความวันที่ 4 ม.ค. 2566, 10:01

มีผู้อ่านทั้งหมด 890 ครั้ง

ผู้เสียหายโดยนิตินัย

                 แม้ผู้ตายกับจำเลยจะทะเลาะวิวาทกัน แต่เมื่อเหตุการณ์ได้ยุติลงแล้ว การที่ผู้ตายเข้าไปใช้กระบอกไฟฉายตีศีรษะของจำเลย ผู้ตายจึงเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นมาก่อน จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ทายาทของผู้ตายจึงไม่มีอำนาจจัดการแทนและไม่มีสิทธิขอเข้าเป็นส่วนร่วมกับพนักงานอัยการ แต่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา  44/1 ได้ ดังนั้นแม้จำเลยจะใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยป้องกัน แต่เมื่อเกินสมควรแก่เหตุ เพราะผู้ตายเพียงแต่ใช้กระบอกไฟฉายตีศีรษะของจำเลยเท่านั้น จำเลยจึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทของผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2565 
             คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า มีเหตุการณ์เกี่ยวกับการทะเลาะวิวาทกันในร้าน จนกระทั่งพนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านมาระงับเหตุและมีการแยกไปที่หน้าร้านและคุมตัวอยู่ แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่ทะเลาะวิวาทกันนั้นได้ยุติลงแล้ว ต่อมาจึงเกิดเหตุการณ์ใหม่คือการที่นาย พ. ผู้ตาย ตีศีรษะจําเลยแล้วจึงเกิดเหตุการณ์ยิงกันขึ้น ซึ่งโจทก์ก็กล่าวอ้างในฎีกาไว้ด้วยว่าแม้เหตุการณ์ การทะเลาะวิวาทกันภายในร้านยุติลงหลังจากการ์ดหรือพนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านเข้าระงับเหตุและล็อกตัวผู้ก่อเหตุออกจากร้าน แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านต่างยืนคอยควบคุมผู้ก่อเหตุอยู่เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุซ้ำและคู่กรณีทั้งสองฝ่ายยังเดินไปมาอยู่บริเวณหน้าร้านเกิดเหตุ ยังไม่แยกย้ายกลับไปแต่อย่างใด เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่ทะเลาะวิวาทในร้านอาหารได้ยุติและสงบลงแล้วก่อนที่จะมีเหตุผู้ตายถูกยิง เหตุการณ์ทั้งสองกรณีจึงไม่ใช่เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องเกี่ยวพันกันถึงขนาดที่จะฟังว่าเหตุทะเลาะวิวาทและสมัครใจทะเลาะวิวาทกันนั้นยังติดพันกันอยู่กับเหตุการณ์กรณีที่จำเลยยิงผู้ตาย เมื่อเหตุการณ์ตอนที่สมัครใจทะเลาะวิวาทกันในร้านที่เกิดเหตุและเหตุการณ์ตอนที่เกิดการยิงกันที่หน้าร้านอาหารเป็นเหตุการณ์คนละตอนกัน และนาย พ. เป็นผู้ก่อเหตุให้จำเลยกระทำผิดโดยป้องกัน นาย พ. จึงไม่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) โจทก์ร่วมที่ 1 และที่ 2 จึงไม่มีอำนาจจัดการแทนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 (2) และไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 30 
          โจทก์ร่วมที่ 1 และที่ 2 จึงไม่มีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์และไม่มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในสถานที่หนักขึ้น อย่างไรก็ตามแม้จะได้ความว่าผู้ตายก่อเหตุทำร้ายจำเลย แต่ก็เป็นการทำร้ายในลักษณะใช้กระบอกไฟฉายหรือกระบองเหล็กตีที่ศีรษะ แต่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปที่ผู้ตาย ดังนี้ เมื่อเทียบสัดส่วนระวังภัยอันตรายที่เกิดขึ้นกับการกระทำของจำเลยที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายนั้นจะเห็นได้ว่าเป็นการกระทำการป้องกันที่ไม่ได้สัดส่วนกัน เนื่องจากอาวุธปืนเป็นอาวุธปืนที่มีความร้ายแรง จำเลยอาจจะยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อขู่หรือแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีอาวุธปืน ก็น่าจะหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายได้ ไม่ต้องถึงขนาดที่จะใช้ปืนยิงผู้ตายตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมที่ 1 และที่ 2
#ทนายคลายทุกข์ #ผู้เสียหายโดยนิตินัย #ค่าสินไหมทดแทน
#ปรึกษาคดี โทร.02-9485700, 081-6161425, 081-8217470, 081-6252161