จะเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ได้ ต้องฟังได้ว่ามีหนี้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ก่อน
ลองอ่านฎีกาใหม่และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เอาไปใช้ประโยชน์ได้นะครับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5294/2563
โจทก์กล่าวในคำฟ้องคดีนี้ว่า โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกให้ร่วมกันชำระหนี้เป็นคดีแพ่งของศาลแพ่งธนบุรี และศาลแพ่งธนบุรีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์ แต่ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตาม ป.อ.มาตรา 350 ในเบื้องต้นจะต้องมีหนี้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ก่อน เมื่อต่อมาปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์ในคดีของศาลแพ่งธนบุรีดังกล่าวมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ และขณะที่คดีของศาลแพ่งธนบุรีดังกล่าวมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีถึงที่สุดไปแล้ว คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีของศาลแพ่งธนบุรีดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ ซึ่งเป็นคู่ความในคดีดังกล่าวด้วย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าหนี้ของที่ 1 ย่อมไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนได้รับชำระหนี้ อันจะเป็นความผิดอาญาฐานโกงเจ้าหนี้ของตนได้รับชำระหนี้ อันจะเป็นความผิดอาญาฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ.มาตรา 350 และจำเลยที่ 2 ผู้รับโอนที่ดินดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 ย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 350 ด้วย
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 350 ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
#โกงเจ้าหนี้ #โอนทรัพย์สิน #หนี้ #ทนายคลายทุกข์