ธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค โดยไม่ตรวจสอบลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คว่าแท้จริงหรือไม่ ต้องรับผิดต่อเจ้าของบัญชี
ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้มีวิชาชีพ ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังในการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทให้กับผู้นำเช็คมาเรียกเก็บ เมื่อธนาคารไม่ตรวจสอบลายมือชื่อในเช็ค ว่าเป็นลายมือชื่อของผู้สั่งจ่ายที่เจ้าของบัญชีให้ไว้กับธนาคารหรือไม่ และลายมือชื่อดังกล่าวเป็นลายมือชื่อปลอม จึงเป็นการผิดสัญญาฝากทรัพย์และละเมิดในเวลาเดียวกัน ธนาคารต้องรับผิดต่อเจ้าของบัญชี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5095/2562
จำเลยเป็นผู้ประกอบธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน การจ่ายเงินตามเช็คที่มีผู้มาขอเบิกเงินจากธนาคารเป็นเงินส่วนหนึ่งของจำเลยซึ่งจะต้องปฏิบัติอยู่เป็นประจำ จำเลยย่อมมีความชำนาญในการตรวจสอบลายมือชื่อในเช็คว่าเป็นลายมือชื่อของผู้สั่งจ่ายหรือไม่ยิ่งกว่าบุคคลธรรมดา ทั้งต้องมีความระมัดระวังในการจ่ายเงินตามเช็คยิ่งกว่าวิญญูชนทั่วๆ ไป ดังนั้น เมื่อลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งห้าฉบับเป็นลายมือชื่อปลอม มิใช่ลายมือชื่อของ จ. ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินตามเช็ค การที่จำเลยจ่ายเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับให้แก่ ว. พนักงานของโจทก์ที่นำเช็คพิพาททั้งห้าฉบับมาเรียกเก็บเงิน ทั้งที่มีตัวอย่างลายมือชื่อของ จ. ที่ให้ไว้แก่จำเลย จึงเป็นการขาดความระมัดระวังของจำเลย ผู้ประกอบธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ ถือได้ว่าการจ่ายเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยอยู่ด้วย และเมื่อโจทก์มิใช่เป็นผู้สั่งจ่ายเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิหักเงินจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ การกระทำของจำเลยที่หักเงินจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ย่อมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจึงเป็นทั้งละเมิดและผิดสัญญาฝากทรัพย์ จำเลยจึงต้องคืนเงินให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
สัญญาฝากทรัพย์ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความเรียกทรัพย์คืนไว้เป็นการเฉพาะจึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 193/30 นับแต่วันที่จำเลยหักเงินจากบัญชีของโจทก์แต่ละครั้ง