คำให้การเรื่องอายุความต้องชัดแจ้ง ศาลจึงจะยกฟ้อง
จำเลยต่อสู้เรื่องอายุความเพียงว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงขาดอายุความ โดยไม่ได้กล่าวว่าขาดอายุความเพราะไม่ได้ฟ้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดอย่างไร ขาดอายุความเมื่อใดนับแต่วันใดจนถึงวันฟ้อง คดีจึงขาดอายุความ ถือไม่ได้ว่ามีประเด็นเรื่องคดีขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่3513/2562
คำให้การจำเลยให้การต่อสู้ในประเด็นเรื่องอายุความเพียงว่า โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิฟ้องคดีภายในระยะเวลาที่กำหนด ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความเท่านั้น โดยจำเลยไม่ได้แสดงให้ปรากฏว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความโดยไม่ได้ฟ้องคดีภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดอย่างไร ทั้งไม่ได้กล่าวถึงเหตุแห่งการขาดายุความให้ปรากฏว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเมื่อใด นับแต่วันใดถึงวันฟ้องคดีขาดอายุความไปแล้ว จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การต้องสู้คดีว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความด้วย คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ที่ศาลจะต้องวินิจฉัยและเมื่อถือว่าจำเลยไม่ได้ยกเรื่องอายุความเป็นข้อต่อสู้ ศาลจึงไม่อาจอ้างเอาอายุความเป็นมาเป็นเหตุยกฟ้อง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/29
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 177 เมื่อได้ส่งหมายเรียกและคำฟ้องให้จำเลยแล้ว ให้จำเลยทำคำให้การเป็นหนังสือยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวัน
ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้ว ให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก
ให้ศาลตรวจดูคำให้การนั้นแล้วสั่งให้รับไว้ หรือให้คืนไปหรือสั่งไม่รับตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18
บทบัญญัติแห่งมาตรานี้ ให้ใช้บังคับแก่บุคคลภายนอกที่ถูกเรียกเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดตามมาตรา 57 (3) โดยอนุโลม