งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ
ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ
สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ
รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ
ข้อกฎหมายที่ต้องรู้ในการประมูลงานทางราชการและเอกชนมิฉะนั้นอาจหมดตัวได้
ประกาศเชิญให้ยื่นซองประมูล เป็นเพียงคำเชิญให้ผู้สนใจทำคำเสนอเข้ามา เพื่อเสนอขอซื้อ หรือขอเช่า หรือขอทำสัญญากับผู้ประกาศเชิญชวนให้ยื่นซอง เมื่อผู้ประมูลยื่นซองเข้ามาจึงเป็นการทำคำเสนอ และสัญญาจะยังไม่เกิดจนกว่าผู้เปิดประมูลจะสนองรับให้ผู้ยื่นซองรายหนึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลและเข้าทำสัญญา ก่อนหน้านั้นสัญญายังไม่เกิด ผู้ชนะประมูลไม่สามารถเรียกให้ผู้เปิดประมูลทำสัญญากับตนเองได้ เนื่องจากยังไม่มีสิทธิหน้าที่ในฐานะคู่สัญญา
ตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง
1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802/2523 (ผู้ประมูลแพ้ ไม่มีสิทธิฟ้องว่าสัญญาระหว่างผู้เปิดประมูลกับผู้ชนะการประมูลเป็นโมฆะ)
คำประกาศแจ้งความของจำเลยที่ให้มีการประมูลการเช่าสัมปทานโรงงานสุราแม่โขงบางยี่ขันเป็นเพียงคำเชื้อเชิญให้ผู้สนใจทำคำเสนอขึ้นมา หนังสือของโจทก์ที่ขอเข้าประกวดราคาด้วย จัดว่าเป็นคำเสนอ เมื่อคำเสนอดังกล่าวถูกจำเลยบอกปัดไปยังโจทก์ผู้เสนอแล้ว คำเสนอนั้นเป็นอันสิ้นความผูกพัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเพื่อขอให้ศาลพิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยที่ให้บริษัทสุรามหาชน จำกัด เป็นผู้เช่าโรงงานสุราแม่โขงบางยี่ขันเป็นโมฆะและบังคับจำเลยรับเรื่องราวของโจทก์ไว้พิจารณา
2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2511/2540 (หากไม่ได้ทำสัญญากัน ผู้ชนะประมูลเรียกคืนเงินประกันซองได้)
ประกาศประกวดราคาเช่าสะพานท่าเทียบเรือของจำเลยที่1เป็นเพียงคำเชิญให้ทำคำเสนอโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดประสงค์จะเข้าทำสัญญาเช่ากับโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยที่1ให้จำเลยที่1ทำสัญญาเช่า หนังสือดังกล่าวเป็นคำเสนอของโจทก์แต่จำเลยที่1ขอเลื่อนการทำสัญญาออกไปหนังสือของจำเลยที่1จึงเป็นคำสนองอันมีข้อความเพิ่มเติมมีข้อจำกัดหรือมีข้อแก้ไขอย่างอื่นประกอบด้วยเป็นคำบอกปัดไม่รับคำเสนอบางส่วนของโจทก์ทั้งเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ด้วยในตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา359วรรคสอง ต่อมาโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยที่1ให้ทำสัญญาเช่าภายใน7วันหากทำสัญญาเช่าไม่ได้ให้มีผลเป็นการเลิกสัญญาทันทีนับแต่วันครบกำหนดและต้องคืนเงินค่าประจำซองในการประมูลพร้อมค่าเสียหายให้โจทก์ จำเลยที่1มีหนังสือถึงโจทก์ให้โจทก์ไปทำสัญญากับจำเลยที่1ภายใน15วันซึ่งโจทก์ยืนยันไม่ประสงค์จะเข้าทำสัญญากับจำเลยที่1อีกต่อไป เห็นได้ว่าการแสดงเจตนาระหว่างโจทก์กับจำเลยที1จะต้องบังคับให้เป็นไปตามเจตนาทำนิติกรรมสองฝ่ายเมื่อสัญญาเกิดขึ้นไม่ได้เพราะขาดความตกลงกันความผูกพันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่1ย่อมสิ้นสุดลงจำเลยที่1ต้องคืนเงินประจำซองให้โจทก์ จำเลยที่2และที่3ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการประมูลราคาจึงไม่ต้องมีส่วนร่วมในการคืนเงินด้วยและเมื่อยังไม่มีสัญญาเช่าต่อกันจำเลยที่1ก็ยังไม่มีความผูกพันตามสัญญาเช่าให้โจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่1ใช้ค่าเสียหาย
3.คำพิพากษาฎีกาที่ 19215/2556 (ถึงจะมีการวางเงินมัดจำหรือประกันการขายทรัพย์สิน ก็ไม่ถือว่าเกิดสัญญาแล้ว เพราะยังไม่มีคำสนอง)
ประกาศของจำเลยที่จัดประมูลขายที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์โดยเชิญผู้สนใจเข้าร่วมประมูลมีรายละเอียดทรัพย์สินที่ประมูล และมีหลักเกณฑ์เงื่อนไขการประมูลว่าจำเลยจะเสนอราคาประมูลสูงสุดต่อคณะกรรมการบริษัทจำเลยพิจารณาอนุมัติการขายผู้ได้รับอนุมัติการขายแล้วจะต้องชำระเงินมัดจำเพิ่มอีกร้อยละ 30 ของราคาอนุมัติการขาย พร้อมทั้งต้องทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายภายใน 15 วันนับจ้างวันแจ้งผลการอนุมัติ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยได้เชื้อเชิญให้บุคคลทำคำเสนอ โดยการเสนอราคาประมูลราคาไว้ให้แก่จำเลยซึ่งจำเลยจะต้องนำราคาที่โจทก์เสนอประมูลไว้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการของจำเลย เพื่ออนุมัติการขาย ลักษณะเช่นนี้จึงเป็นคำเสนอโดยมีเงื่อนไขในการขายที่จะต้องมีคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติการขายอีกชั้นหนึ่งแล้วจึงแจ้งผลการอนุมัติขาย การแจ้งผลอนุมัติขายนี้ก็เป็นคำสนองซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขการประมูล เมื่อคำเสนอและคำสนองตรงกันแล้วจึงก่อให้เกิดการทำสัญญาที่จะต้องทำหนังสือจะซื้อจะขายภายในกำหนด 15 วัน โจทก์เข้าร่วมประมูลทรัพย์พิพาทและวางเงินประกันการยื่นซองประกวดราคาจำนวน 100,000 บาท เป็นคำเสนอไปยังจำเลยผู้สนอง และจำเลยผู้สนองบอกปัดไปยังโจทก์ผู้เสนอแล้ว โดยจำเลยมิได้สนองรับ คำเสนอของโจทก์เป็นอันสิ้นความผูกพันตามป.พ.พ. มาตรา 357 จำเลยไม่ถูกผูกพันให้ขายทรัพย์พิพาทแก่โจทก์ อีกทั้งยังมีข้อตกลงอีกว่าจะต้องมีการทำสัญญาจะซื้อจะขายกันภายหลังที่มีการสนองรับ จึงเป็นการตกลงกันว่าสัญญาอันมุ่งจะทำต้องทำเป็นหนังสือ เมื่อกรณีเป็นที่สงสัยนับว่ายังมิได้มีการทำสัญญาต่อกันจนกว่าจะได้ทำขึ้นเป็นหนังสือตามป.พ.พ. มาตรา 366 วรรคสอง แม้จำเลยจะออกใบรับเงินจำนวน 100,000 บาทระบุว่าเป็นเงินมัดจำหรือเงินประกันค่าขายทรัพย์สิน ก็ไม่ทำให้เงินนั้นเป็นเงินมัดจำ และไม่ผูกพันให้จำเลยให้ต้องขายทรัพย์พิพาทแก่โจทก์