ผลแห่งคดีเป็นไปตามคำท้า ศาลต้องตัดสินตามคำท้า
คู่ความตกลงท้ากันให้นำผลคดีอาญา มาเป็นผลแพ้ชนะในคดีนี้ เมื่อผลคดีอาญาเป็นไปตามคำท้า ศาลต้องตัดสินตามคำท้า จะตัดสินเป็นอย่างอื่นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3951/2562
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตกลงท้ากันโดยให้ถือเอาผลคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 26580/2545 ของศาลอาญา เป็นผลแพ้ชนะกันในประเด็นข้อพิพาทคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 หรือไม่ โดยในคำท้าไม่มีเงื่อนไขอย่างอื่น เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่นศาลตาม ป.อ. มาตรา 198 ประกอบมาตรา 83 แม้ศาลฎีกาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตาม ป.อ. มาตรา 328 และ พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 48 วรรคสอง ก็ตาม ผลของคำพิพากษาศาลฎีกาก็ตรงตามคำท้าที่ตกลงกันตามที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ชัดเจนว่า หากศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำความผิด โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นฝ่ายชนะคดีนี้ โดยไม่มีข้อความใดที่จะแปลได้เลยว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต้องกระทำความผิดทุกข้อหา กรณีจึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 138 ในคดีที่คู่ความตกลงกันหรือประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนคำฟ้องนั้น และข้อตกลงหรือการประนีประนอมยอมความกันนั้นไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ให้ศาลจดรายงานพิสดารแสดงข้อความแห่งข้อตกลงหรือการประนีประนอมยอมความเหล่านั้นไว้ แล้วพิพากษาไปตามนั้น
ห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาเช่นว่านี้ เว้นแต่ในเหตุต่อไปนี้
(1) เมื่อมีข้อกล่าวอ้างว่าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฉ้อฉล
(2) เมื่อคำพิพากษานั้นถูกกล่าวอ้างว่าเป็นการละเมิดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
(3) เมื่อคำพิพากษานั้นถูกกล่าวอ้างว่ามิได้เป็นไปตามข้อตกลงหรือการประนีประนอมยอมความ
ถ้าคู่ความตกลงกันเพียงแต่ให้เสนอคดีต่ออนุญาโตตุลาการ ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับ