ศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายความ แต่จำเลยได้แต่งตั้งทนายความแล้ว ไม่ต้องย้อนสำนวน
ก่อนศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง ศาลไม่ได้สอบถามว่าจำเลยมีทนายความหรือไม่ แต่หลังจากนั้น จำเลยได้แต่งตั้งทนายความเข้ามาดำเนินคดีจนศาลชั้่นต้นมีคำพิพากษา และจำเลยก็มิได้เปลี่ยนแปลงคำให้การแต่อย่างใด ไม่ถือว่าจำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี ไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นสอบจำเลยเรื่องทนายความอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8287/2559
เจตนารมณ์ของ ป.วิ.อ. มาตรา 173 วรรคสอง เพื่อให้จำเลยมีทนายความช่วยเหลือในการต่อสู้คดีที่มีอัตราโทษจำคุก แม้ปรากฏว่าก่อนศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังและสอบคำให้การจำเลย ศาลชั้นต้นไม่ได้ถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ แต่ในวันนัดฟังคำพิพากษา จำเลยได้แต่งตั้งทนายความ และทนายจำเลยก็ได้ทำหน้าที่ทนายจำเลยตลอดมาจนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี ทั้งจำเลยก็มิได้เปลี่ยนแปลงคำให้การของจำเลยแต่ประการใด ถือได้ว่าจำเลยยังคงให้การรับสารภาพ คดีจึงไม่มีเหตุจำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสอบจำเลยเรื่องทนายความ
ตัวบทกฏหมายอ้างอิง
ประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 173 ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดีที่จำเลยมีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่ถูกฟ้องต่อศาล ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ให้ศาลตั้งทนายความให้
ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุก ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการทนายความ ก็ให้ศาลตั้งทนายความให้
ให้ศาลจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายแก่ทนายความที่ศาลตั้งตามมาตรานี้ โดยคำนึงถึงสภาพแห่งคดีและสภาวะทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำหนดโดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง