การเบิกความเท็จในคดีแพ่ง
การเบิกความเท็จต้องเกี่ยวกับประเด็นพิพาทที่ศาลกำหนด ซึ่งเป็นประเด็นที่จะชี้แพ้ชี้ชนะในประเด็นสำคัญแห่งคดีถือว่าครบองค์ประกอบความผิดแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 วรรคแรก หาจำต้องพิจารณาว่าการเบิกความเท็จทำให้โจทก์เสียหายหรือไม่เพราะกฎหมายไม่มีข้อความว่าซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ถึงแม้เบิกความเท็จแต่โจทก์ชนะคดีโจทก์ก็มีสิทธิที่จะฟ้องดำเนินคดีกับผู้ที่เบิกความเท็จได้นะครับ เช่น เจ้าหนี้ฟ้องว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ จำเลยเบิกความต่อศาลในคดีแพ่งว่าชำระหนี้แล้ว ต่อมาศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยไม่เชื่อคำเบิกความของพยานจำเลย เพราะขัดกับเอกสาร ดังนั้น เมื่อเจ้าหนี้ชนะคดี เจ้าหนี้สืบทรัพย์สินของลูกหนี้หาทรัพย์สินไม่เจอ ยึดทรัพย์สินไม่ได้ เจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์หวนกลับมาดำเนินคดีอาญามาฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งได้ ซึ่งมีโทษจำคุก 5 ปีครับอ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 8691/2550 และฎีกาที่ 2856/2535 สอบถามข้อกฎหมาย 081 616 1425 หรือ 02 948 5700
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8691/2550
ความเท็จที่จะถือว่าเป็นข้อสำคัญในคดีต้องเป็นความเท็จที่อาจทำให้คู่ความต้องแพ้ชนะกันในประเด็นแห่งคดี คดีแพ่งมีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยทำสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์ร่วมหรือไม่ การที่จำเลยเบิกความว่าจำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาค้ำประกัน และลายมือชื่อผู้ค้ำประกันตามสัญญาดังกล่าวไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยนั้น ย่อมเป็นการเบิกความเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทอันเป็นข้อแพ้ชนะคดีกรณีจึงเป็นข้อสำคัญในคดี เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคำเบิกความนั้นเป็นเท็จ ดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จตาม ป.อ. มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2856/2535
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทในคดีแพ่งไว้ว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์หรือไม่ การที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ลายมือชื่อในสัญญาดังกล่าวไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยย่อมเป็นการเบิกความเกี่ยวกับประเด็นพิพาทอันเป็นข้อแพ้ชนะคดี ถือได้ว่าเป็นข้อสำคัญในคดีดังนั้น ไม่ว่าผลของคดีจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ต่อไปหรือไม่ เมื่อคำเบิกความนั้นเป็นเท็จแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเข้าครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 วรรคแรกหาจำต้องพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยจะต้องก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำนั้นจึงจะเป็นความผิดแต่อย่างใดไม่