งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ
ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ
สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ
รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ
หนังสือเตือนของนายจ้างควรมีข้อความอย่างไร
เนื่องจากในปัจจุบันมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2654/2557 พิพากษาว่า การเล่นแชทหรือเล่นโทรศัพท์มือถือหรือเล่นคอมพิวเตอร์ในเวลาทำงานเป็นประจำเกือบทุกวัน วันละประมาณ 1 ชั่วโมง นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน นอกจากนี้ถ้านายจ้างเคยมีหนังสือเตือนแล้ว แต่ยังคงแชทอยู่เหมือนเดิม นายจ้างเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เพราะถือเป็นการทำผิดซึ่งคำเตือน ตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119(4) มีหลายท่านสอบถามมายังทนายคลายทุกข์ว่าหนังสือเตือนต้องมีข้อความอย่างไรบ้าง ผมจึงขอนำคำแนะนำจาก อ.เกษมสันต์ วิลาวรรณ ผู้บรรยายเนติบัณฑิตยสภา วิชากฎหมายแรงงาน ซึ่งท่านได้อธิบายไว้มีประโยชน์ ท่านอธิบายไว้มีรายละเอียดดังนี้
หนังสือเตือนควรมีข้อความดังนี้
หนังสือเตือนควรมีข้อความครบถ้วนที่จะทำให้ลูกจ้างทราบถึงการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับ หรือคำสั่งของนายจ้าง และถ้อยคำที่เตือนให้ลูกจ้างรู้สำนึกในการกระทำ ตลอดจนข้อความอื่นที่จำเป็นด้วย หนังสือเตือนควรมีข้อความดังนี้
1. สถานที่ออกหนังสือเตือน
2. วันเดือนปีที่ออกหนังสือเตือน ซึ่งอาจเป็นวันเดียวกันกับที่ลูกจ้างกระทำการฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือวันอื่นที่นายจ้างทราบหรือได้สอบสวนแล้วว่าลูกจ้างได้กระทำการฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งนั้น
3. ข้อความแสดงการแจ้งต่อตัวลูกจ้างโดยเฉพาะเจาะจง
4. ข้อเท็จจริงโดยย่อเกี่ยวกับการกระทำ(ผิด) ของลูกจ้างนั้น ซึ่งควรระบุถึงวัน เดือน ปี เวลา(โดยประมาณ) สถานที่ และพฤติการณ์ที่เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน
5. ข้ออ้างที่ระบุว่าลูกจ้างได้ฝ่าฝืนข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งฉบับใด ข้อใดหรือในเรื่องใด
6. ข้อความที่มีลักษณะเป็นการตักเตือน โดยอาจเป็นถ้อยคำเชิงแนะนำ ชี้ชวนห้ามปราม มิให้ลูกจ้างกระทำการนั้นอีก
7. ลายมือชื่อของนายจ้าง หรือผู้ออกหนังสือเตือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2526
ข้อความในเอกสาร แม้จะมีชื่อว่า "คำเตือน" แต่ใจความเป็นเรื่องที่ลูกจ้างรับสารภาพว่าได้กระทำการฝ่าฝืนระเบียบของบริษัท แล้วบรรยายว่ากระทำอย่างไร เมื่อใด ทำให้บริษัทฯ เสียประโยชน์ เคยถูกหัวหน้าเตือนมาแล้วกี่ครั้ง ตอนท้ายเป็นคำรับว่า เป็นการกระทำผิดครั้งที่เท่าใด ตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษ ว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร และรับรองว่าจะไม่ทำตัวเช่นนี้อีก เนื้อความเป็นเรื่องที่ฝ่ายลูกจ้างแสดงข้อเท็จจริงและเจตนาออกมาเป็นหนังสือผู้ใดจะเป็นผู้เขียนข้อความไม่สำคัญ ข้อสำคัญคือ ไม่มีข้อความตอนใดเลยที่เป็นคำเตือนของฝ่ายนายจ้างไม่ให้ลูกจ้างกระทำผิดซ้ำอีก เอกสารดังกล่าวจึงมิใช่คำเตือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2528
ตามคำสั่งของนายจ้างที่ว่า "...อนึ่ง บริษัทฯ ขอเตือนพนักงานที่ทุกคนรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินให้ใช้ความระมัดระวัง ถ้าเผอเรอก็จะก่อความเสียหายให้แก่ส่วนตัวและบริษัท ถ้าทำสูญหายบ่อยๆ แม้จะเป็นการสูญหายโดยทุจริตก็อาจถูกพิจารณาโทษฐานหย่อนสมรรถภาพในการทำงาน หากพิสูจน์ได้ว่าสูญหายโดยทุจริตก็จะถูกโทษไล่ออก และดำเนินคดีทางอาญาได้" นั้น เป็นประกาศทั่วไป คำสั่งดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นการเตือนลูกจ้าง จึงมิใช่หนังสือเตือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4159/2531
เอกสารที่นายจ้างเป็นแต่เพียงหนังสือทัณฎ์บนที่ลูกจ้างทำให้ไว้แก่นายจ้างว่าจะแก้ไขตัวเองในเรื่องต่างๆ ตามที่ระบุไว้ โดยมิได้มีข้อความตอนใดที่แสดงว่านายจ้างได้เตือนลูกจ้างในเรื่องที่ลูกจ้างทำผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในเรื่องใดไว้ เอกสารดังกล่าวจึงขาดลักษณะที่จะถือว่าเป็นคำเตือนได้
คำพิพากษศาลฎีกาที่ 1120/2544
หนังสือที่นายจ้างอ้างว่าเป็นหนังสือเตือน เนื้อความในหนังสือเรื่องการทดลองงานและมีลักษณะตำหนิการทำงานของลูกจ้างว่าขาดความรับผิดชอบ มิได้มีข้อความกล่าวถึงว่าการกระทำของลูกจ้างเข้าลักษณะเป็นการกระทำใดและหากกระทำผิดเช่นนั้นซ้ำอีกจะถูกลงโทษอย่างไร แม้ตามกฎหมายไม่ได้กำหนดแบบของหนังสือตักเตือนไว้ว่าจะต้องมีรูปแบบและข้อความอย่างไร แต่จะต้องเป็นกรณีที่นายจ้างตักเตือนลูกจ้างที่ได้กระทำผิดฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างมิให้กระทำความผิดเช่นว่านั้นอีก หากกระทำจะต้องถูกลงโทษ หนังสือเรื่องการทดลองงานจึงมิใช่หนังสือตักเตือน การที่นายจ้างกล่าวอ้างว่าเลิกจ้างลูกจ้างเพราะกระทำผิดซ้ำคำเตือนซึ่งได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว จึงมิอาจรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10453/2546
ลูกจ้างเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ก่อนออกหนังสือเตือน ลูกจ้างไม่เคยออกคำสั่งห้ามลูกจ้างเข้าไปในสำนักงานเพื่อไปห้องน้ำมาก่อน การไปเข้าห้องน้ำก็เป็นวิสัยอันจำเป็นของปุถุชนโดยทั่วไป ครั้นเมื่อเข้าไปแล้วก็ได้รับการร้องขอจากพนักงานให้ช่วยเปิดสวิตช์ไฟฟ้าและโทรศัพท์เรียกรถรับส่งพนักงาน แม้จะมิได้เป็นหน้าที่โดยตรงของลูกจ้างก็ตาม แต่ก็เป็นการปฏิบัติตามอัธยาศัยอันดีเพื่อประโยชน์ของนายจ้าง การไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ระยะเวลาสั้นๆ ของลูกจ้างกรณีดังกล่าว ยังถือไม่ได้ว่าลูกจ้างละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร หนังสือเตือนของนายจ้างที่อ้างว่าละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควรจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4025/2548
หนังสือเตือนที่ระบุการกระทำผิดของลูกจ้างว่าลูกจ้างขาดงานในวันดือนปีใด พร้อมทั้งมีข้อความเตือนมิให้ลูกจ้างกระทำผิดในลักษณะนี้อีกเป็นหนังสือเตือนที่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อนายจ้างได้ทำหนังสือเตือนแล้วก็จะต้องให้ลูกจ้างได้ทราบหนังสือเตือนนั้น โดยส่งหนังสือเตือนให้ลูกจ้าง หรือให้ลูกจ้างอ่านหนังสือเตือนให้ลูกจ้างฟัง นายจ้างไม่ควรปิดประกาศเพราะอาจเป็นการประจานลูกจ้างได้ การปิดประกาศควรกระทำเมื่อไม่อาจแจ้งให้ลูกจ้างทราบหนังสือเตือนด้วยวิธีการข้างต้นแล้วเท่านั้น นายจ้างอาจขอให้ลูกจ้างลงชื่อรับหนังสือเตือนหรือลงชื่อรับทราบหนังสือเตือนได้ แต่ไม่อาจสั่งหรือบังคับลูกจ้างให้ลงชื่อหรือรับทราบหนังสือเตือนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5560/2530
กฎหมายคุ้มครองแรงงานมิได้กำหนดวิธีการแจ้งคำเตือนให้ลูกจ้างทราบไว้ประการใด ถ้าลูกจ้างไม่ยอมลงชื่อรับทราบคำเตือน นายจ้างอาจใช้วิธีการอย่างอื่นได้ เป็นต้นไปว่า แจ้งด้วยวาจา หรือปิดประกาศให้ลูกจ้างทราบ การที่นายจ้างไม่ยอมลงชื่อรับทราบคำเตือนเป็นหนังสือ จึงไม่เป็นความผิดฐานขัดคำสั่งนายจ้างจะลงโทษลูกจ้างเพราะเหตุนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6251/2534
กฎหมายมิได้กำหนดว่าเมื่อนายจ้างออกหนังสือเตือนลูกจ้างแล้ว นายจ้างต้องแจ้งหนังสือเตือนให้ลูกจ้างทราบโดยต้องให้ลูกจ้างลงชื่อรับทราบในหนังสือเตือน หรือต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบโดยวิธีการใด การที่นายจ้างออกหนังสือเตือนและแจ้งให้ลูกจ้างทราบ แม้ลูกจ้างจะไม่ได้ลงชื่อรับทราบหนังสือเตือน ก็ถือว่าลูกจ้างทราบหนังสือเตือนแล้ว
นายจ้างจะอ้างเหตุที่จะจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างได้ต่อเมื่อลูกจ้างได้ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งในเรื่องเดียวกับที่ได้ตักเตือนเป็นหนังสือไว้(ทำผิดซ้ำ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2524
แม้ลูกจ้างจะเคยฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานจนนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือมาแล้ว 2 ครั้งก็ตาม หากลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอีกในกรณีอื่นมิใช่เรื่องเดียวกับที่นายจ้างเคยตักเตือนไว้ย่อมไม่เข้าข้อยกเว้นที่นายจ้างจะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2790/2527
ความผิดครั้งก่อน เป็นเรื่องลูกจ้างปล่อยนมทิ้งที่พื้นที่โรงงาน ส่วนครั้งหลัง เป็นเรื่องหลงลืมใส่ไขมันมะพร้าวในการผสมนม จึงเป็นความผิดคนละเหตุ แม้ครั้งแรกนายจ้างจะมีหนังสือเตือนลูกจ้างแล้วก็ตาม นายจ้างเลิกจ้างเนื่องจากทำความผิดครั้งหลัง ต้องจ่ายค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510-1511/2531
ลูกจ้างเคยถูกนายจ้างตักเตือนเป็นหนังสือ 2 ครั้ง ครั้งแรกเตือนในเรื่องขาดงานโดยไม่ยื่นใบลาป่วยและมาสาย ครั้งที่สองเตือนในเรื่องข้อความในใบลาเท็จ ก่อนถูกเลิกจ้างลูกจ้างฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับเรื่องการลากิจ กระทำผิดในครั้งหลังจึงเป็นคนละเรื่องกับคำเตือนทั้งสองครั้งดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือน เมื่อนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างจึงต้องจ่ายค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6910/2546
ลูกจ้างเคยถูกนายจ้างเตือนเป็นหนังสือเนื่องจากลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีลากิจ ดังนั้น ต่อมาไม่ว่าลูกจ้างจะฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีลาป่วยหรือไม่ ก็เป็นคนละเรื่องกับกรณีลากิจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2548
เมื่อวันที่ 2 เมษายน นายจ้างสั่งย้ายลูกจ้างจากสำนักงานสาขาในกรุงเทพมหานคร ไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ จังหวัดนครนายก โดยไม่ได้ลดตำแหน่งและค่าจ้างกับได้สวัสดิการเช่นเดิม ซึ่งเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมลูกจ้างไม่ยอมไป นายจ้างออกหนังสือเตือน ต่อมาวันที่ 21 เดือนเดียวกัน นายจ้างมีคำสั่งย้ายลูกจ้างอีกครั้ง ลูกจ้างก็ไม่ยอมไปทำงานตามคำสั่งอีก เป็นการกระทำผิดซ้ำหนังสือเตือนภายในเวลาไม่เกิน 1 ปี นายจ้างย่อมเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2548
ลูกจ้างมาสาย ถูกตักเตือนด้วยวาจา ลูกจ้างมาสายอีก ถูกตักเตือนด้วยวาจาอีก ต่อมาลูกจ้างมาสายอีก ถูกตักเตือนเป็นหนังสือและตัดค่าจ้าง 160 บาท ลูกจ้างมาสายอีกครั้ง ถูกตักเตือนด้วยวาจา ลูกจ้างก้าวร้าวผู้บังคับบัญชา ถูกตักเตือนเป็นหนังสือ ต่อมาลูกจ้างนำโทรศัพท์ส่วนกลางไปใช้โทรศัพท์ส่วนตัว การกระทำผิดในเรื่องก้าวร้าวและเรื่องใช้โทรศัพท์ มิใช่การกระทำผิดซ้ำคำเตือน นายจ้างไม่สามารถนำมาเป็นเหตุเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3446/2549
ลูกจ้างได้รับคำสั่งจากหัวหน้างานให้ไปทำงานแผนกเย็บ ซึ่งเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม แต่ลูกจ้างไม่ยอมไปทำงานตามคำสั่งทันที จนต้องหาคนอื่นทำงานแทน นายจ้างได้ออกหนังสือเตือนไว้ ต่อมาอีก 5 วัน หัวหน้างานได้สั่งให้ลูกจ้างไปทำงานอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม แต่ลูกจ้างไม่ยอมไปทำงานตามคำสั่งอีก จึงเป็นการกระทำผิดในลักษณะเดียวกันซ้ำคำเตือน นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9033/2550
เดิมลูกจ้างทำหน้าที่เป็นพนักงานเติมวัตถุดิบยกวัตถุดิบไปเติมที่เครื่อง เครื่องละ 300 กิโลกรัม 12 เที่ยว เที่ยวละ 25 กิโลกรัม ต่อมาลูกจ้างลาป่วยเพราะกล้ามเนื้อหลังอักเสบ แล้วลาอุปสมบท นายจ้างให้ลูกจ้างไปปฏิบัติหน้าที่ทำความสะอาดเก็บขยะ แม้งานจะแตกต่างจากเดิม ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงหน้าที่เนื่องจากการเจ็บป่วยของลูกจ้าง มิได้กลั่นแกล้งลูกจ้าง คำสั่งของนายจ้างจึงเป็นคำสั่งที่ชอบ เมื่อลูกจ้างไม่ไปปฏิบัติงานจึงถือได้ว่าลูกจ้างละทิ้งหน้าที่ แต่ที่นายจ้างออกหนังสือเตือนลูกจ้างด้วยเหตุที่ลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งในวันเดียวกัน 2 ครั้ง เวลา 9.30 นาฬิกา และเลิกจ้างเวลา 14.30 นาฬิกานั้น ไม่เข้ากรณีเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยตามมาตรา 119(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7398-7399/2551
เดือนมกราคม 2545 ถึงเดือนธันวาคม 2545 ลูกจ้างไม่ไปถึงสถานที่ทำงานในเวลา 8 นาฬิกา อันเป็นเวลาทำงานปกติรวมทั้งสิ้น 35 ครั้ง นายจ้างออกหนังสือเตือนลงวันที่ 12 มกราคม 2546 หลังจากนั้นปรากฎว่าตั้งแต่เดือนมกราคม 2546 ถึงเดือนมีนาคม 2546 ลูกจ้างยังกระทำผิดซ้ำคำเตือนโดยไม่ไปถึงที่ทำงานและไม่ปฏิบัติงานตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกา รวมทั้งสิ้น 13 ครั้ง นายจ้างมีหนังสือลงวันที่ 24 มีนาคม 2546 ระบุว่า ลูกจ้างกระทำผิดและเป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือนโดยไม่มีข้อความว่าเป็นการลงโทษ ต่อมาอีก 9 วันนายจ้างมีหนังสือเลิกจ้างโจทก์ ดังนี้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างดังกล่าวตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119(4)