เนื่องจากแม่ของดิฉันได้ทำการซื้อขายห้องร้านค้าที่วิหารพระมงคลบพิตร จ.อยุธยา ในราคา1,750,000บาท โดยพื้นที่นั้นเป็นความรับผิดชอบของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา จึงทำได้เพียงซื้อขายสิทธิ์เท่านั้น ซึ่งแม่ของดิฉันทำการเช่าเพื่อค้าขายอยู่
แต่เมื่อต้นปี2563ได้มีการจ่ายเงินเต็มจำนวนและมีการทำสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อยและมีการนัดโอนสิทธิ แต่เนื่องจากติดสถานการณ์โควิดทำให้ทางเทศบาลไม่สามารถดำเนินการโอนสิทธิได้ จึงได้นิ่งเฉยและเช่าร้านค้าต่อตามปกติ
แต่เมื่อทางเทศบาลเปิดให้ดำเนินการได้กลับพบปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถโอนสิทธิได้คือ
1.สิทธิ์ร้านค้าเป็นของแม่ลูกหนี้ซึ่งเสียชีวิตแล้ว
2.ลูกหนี้ไม่เคยทำการเสียภาษีให้กับทางเทศบาลนับตั้งแต่แม่ลูกหนี้เสียชีวิต ซึ่งอาจทำให้ลูกหนี้เสียสิทธิ์ร้านค้าแล้ว
ดังนั้นทางดิฉันจึงติดตามทวงเงินที่จ่ายไปคืนซึ่งทางลูกหนี้ได้บ่ายเบี่ยงตลอดมา บอกแต่ว่าเดินเรื่องทางเทศบาลอยู่และจะโอนสิทธิให้ แต่เรื่องก็เงียบหาย ทางดิฉันจึงได้ว่าจ้างทนายส่งเรื่องขึ้นศาลในนัดแรกลูกหนี้ไม่ยอมมาศาลตามนัด ทางทนายจึงแจ้งว่าทางดิฉันชนะคดี และศาลจะสำรวจทรัพย์ต่อไป แต่แล้วเรื่องนี้ทนายก็เงียบหายไปพอถามถึงก็แจ้งว่าคดีจบแล้วซึ่งดิฉันว่ามันไไม่ใช่เพราะดิฉันยังไม่ได้รับเงินคืนหรือได้รับสิทธิใดๆ
ซึ่งระหว่างที่เดินเรื่องนั้นทางทนายได้ทำการเหมือนมีนอกมีในกับพนักงานในเทศบาลโดยการเรียกเงินจำนวน500,00บาท เพื่อจะทำเรื่องโอนสิทธิของลูกหนี้ให้กับทางดิฉัน แต่ดิฉันเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลจึงไม่ตอบตกลงเลยทำให้ทนายเพิกเฉยต่อคดี
จนกระทั่งต้นเดือนกรกฎาคมทางดิฉันทราบมาว่าลูกหนี้ทำการขายตึกมูลค่า14,000,000บาท โดยมีการนัดโอนตึกต้นเดือนสิงหาคม แต่ลูกหนี้เกิดติดโควิดทำให้ทราบข่าวว่าได้ทำการโอนไปเมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา ในระหว่างที่ทราบข่าวว่ามีการขายตึกนั้นทางลูกหนี้ได้บอกกับบุคคลอื่นๆว่าจะคืนเงินให้ทางดิฉัน ดิฉันจึงไม่ได้ติดตามทวงหนี้เพราะหวังว่าจะได้เงินคืน แต่ ณ ปัจจุบันนี้ทางลูกหนี้ก็ยังไม่ติดต่อมาค่ะ
จึงขอรบกวนขอความช่วยเหลือทางทนายคลายทุกข์ให้ช่วยเหลือด้วยค่ะ หมดหนทางแล้วจริงๆค่ะเพราะเงินก้อนนี้เป็นก้อนสุดท้ายเพราะได้เอาที่ดินเข้าจำนองเพื่อมาซื้อร้านค้าค่ะ
ขอบคุณค่ะ